อัพเดท
22 พฤษภาคม 2567
Apple Music เผยรายชื่ออัลบั้มยอดนิยมตลอดกาล 10 อันดับแรกจาก 100 อัลบั้มที่ดีที่สุด
The Miseducation of Lauryn Hill เป็นอัลบั้มที่รั้งตำแหน่งที่ 1
ศิลปินรับเชิญพิเศษ Nile Rodgers และ Maggie Rogers นั่งคุยกับ Zane Lowe และ Ebro Darden จาก Apple Music ในรายการนับถอยหลังสู่การประกาศผลครั้งพิเศษ
ศิลปินรับเชิญพิเศษ Nile Rodgers และ Maggie Rogers นั่งคุยกับ Zane Lowe และ Ebro Darden จาก Apple Music ในรายการนับถอยหลังสู่การประกาศผลครั้งพิเศษ
วันนี้ Apple Music สรุปรายชื่อ 100 อัลบั้มที่ดีที่สุด พร้อมเผยรายชื่อ 10 อันดับอัลบั้มยอดนิยมตลอดกาลที่ทุกคนต่างเฝ้ารอคอย ซึ่งอัลบั้ม The Miseducation of Lauryn Hill ได้รับตำแหน่งที่ 1
Lauryn Hill กล่าวกับ Apple Music ทันทีที่ได้รับข่าวว่า "นี่เป็นรางวัลของฉันก็จริง แต่การเล่าเรื่องอันลึกซึ้งเช่นนี้เกี่ยวข้องกับผู้คนมากมาย รวมถึงความเสียสละ การอุทิศเวลา และความรักอันมากมายจากทุกคน"
เพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง Zane Lowe และ Ebro Darden จาก Apple Music ได้นั่งพูดคุยในแบบโต๊ะกลมเกี่ยวกับรายชื่อนี้กับ Nile Rodgers โปรดิวเซอร์ด้านการบันทึกเสียง นักเขียน และนักแสดง พร้อมด้วย Maggie Rogers โปรดิวเซอร์และศิลปินผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่ ในรายการพิเศษทาง Apple Music ซึ่งออกอากาศทั่วโลกวันนี้ รับชมการพูดคุยแบบโต๊ะกลมฉบับเต็มได้ทาง music.apple.com
รายชื่อ 100 อัลบั้มที่ดีที่สุด ของ Apple Music เป็นการจัดอันดับอัลบั้มเพลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยสร้างขึ้นของศตวรรษที่ 21 ซึ่งคัดสรรโดยทีมผู้เชี่ยวชาญของ Apple Music พร้อมด้วยกลุ่มศิลปิน นักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์ และผู้เชี่ยวชาญของวงการเพลงที่ได้รับคัดเลือก รายชื่อเหล่านี้เป็นการประกาศโดยทีมบรรณาธิการ และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับจำนวนสตรีมมิ่งบน Apple Music จึงเปรียบได้กับจดหมายรักถึงอัลบั้มเพลงที่หล่อหลอมและสร้างความบันเทิงให้กับโลกของผู้รักเสียงเพลง
มาทำความรู้จักกับ 10 อันดับอัลบั้มยอดนิยมได้ทางด้านล่าง
10. Lemonade (2016), Beyoncé
อัลบั้มที่ 6 ซึ่งได้รับความนิยมแบบถล่มทลายสำหรับแนวดนตรีประเภทนี้ของ Beyoncé เป็นอัลบั้มที่แสดงถึงความบ้าระห่ำ ท้าทาย แต่ก็แฝงด้วยความเปราะบางและปวดร้าว เป็นประสบการณ์การทดลองสิ่งใหม่ๆ อย่างกล้าหาญ การประกาศชัยชนะ และยังแฝงไปด้วยอารมณ์ขัน ซึ่งเปิดตัวออกมาโดยไม่มีการประกาศล่วงหน้าในช่วงเวลาที่เธอถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสาธารณชนและต้องเก็บซ่อนความเจ็บปวดส่วนตัว ทุกวินาทีของ Lemonade จึงคู่ควรอย่างยิ่งกับการศึกษาและการยกย่อง
Nile Rodgers (NR): อัลบั้มนี้เป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่จริงๆ และผมพูดแบบนี้ด้วยความนับถืออย่างยิ่ง เพราะผมรู้ดีว่าการจะประสบความสำเร็จได้แบบที่เธอทำได้ในที่นี้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง
Zane Lowe (ZL): นี่ถือเป็นแรงสะเทือน ครั้งใหญ่มาก เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าศิลปินใหญ่ขนาดนี้มาพร้อมด้วยความตั้งใจอย่างเต็มที่ และตัดสินใจที่จะบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ เพื่อแบ่งปันในสิ่งที่ตัวเองอยากจะบอกเล่าในแบบที่มีการควบคุมมาอย่างดี
Maggie Rogers (MR): ฉันเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ตอนที่อัลบั้มนี้เปิดตัว และก็จำได้ตอนที่ตัวเองกดปุ่มเล่นเพลงนี้บนแล็ปท็อปในอพาร์ตเมนต์ของตัวเอง ซึ่งเป็นตึกห้าชั้นที่ไม่มีลิฟต์ในย่านอีสต์วิลเลจ และเป็นครั้งแรกที่ฉันโดดเรียน เพราะฉันเพิ่งฟังไปได้ครึ่งทางแล้วก็รู้สึกว่ายังไม่อยากหยุดฟัง วันนี้ฉันต้องอยู่ตรงนี้ เพราะสิ่งที่ตัวเองได้ยินมากกว่าสิ่งอื่นใดก็คือพลังของเธอ และวิธีการที่มันซ้อนทับอยู่กับความเปราะบางของเธอ อัลบั้มนี้เป็นเสมือนการแสดงออกอันยิ่งใหญ่ถึงพลังของผู้หญิง
9. Nevermind (1991), Nirvana
Nevermind และเพลงเปิดตัวอย่าง “Smells Like Teen Spirit” ไม่เพียงแต่ได้รับการขนานนามว่าเป็นการฝ่าฟันอุปสรรคที่ไม่น่าเป็นไปได้ของวงทริโอจากซีแอตเทิล แต่ยังพลิกโฉมป๊อปคัลเจอร์หรือวัฒนธรรมประชานิยมในแบบที่ไม่เคยเกิดมาก่อนและไม่เคยเกิดขึ้นอีกนับจากนั้น แนวพังค์กลายมาเป็นแนวป๊อป แนวกรันจ์กลายมาเป็นสิ่งที่พบกันได้ทั่วโลก กำแพงของอุตสาหกรรมถูกทำลายกลายเป็นผุยผง และนักร้องนำ Kurt Cobain ก็ได้รับการยกย่องให้เป็นตัวแทนของเสียงอันพะว้าพะวังแห่งยุคสมัยที่ต้องการระบายออก ซึ่งทั้งหมดเหมือนจะเกิดขึ้นเพียงข้ามคืน
ZL: ตอนที่อัลบั้มนี้เปิดตัว เหมือนเป็นเพลงที่ทำมาเพื่อทุกคนที่ได้ฟัง และเชื่อมโยงเรากับเพลงจนเหมือนเรากลายเป็นหนึ่งในวงนั้น และวงตัวจริงก็เป็นวงของเรา และทุกอย่างที่เราชอบซึ่งดูเหมือนจะไม่มีอะไรเชื่อมโยงกัน เหมือนจะไม่เข้าที่เข้าทาง และดูเหมือนจะไม่จริงจัง แต่กลับเป็นเหมือนว่าคุณกำลังจริงจังกับพวกเราอยู่ในขณะนี้
MR: ความเปราะบางที่แสดงอยู่ในอัลบั้มนี้ควบคู่กับความเข้มข้นของเสียงและช่วงเวลาที่สื่อถึงวัฒนธรรมที่แพร่หลายอยู่ในตอนนั้น เป็นสิ่งที่สัมผัสกับบางสิ่งบางอย่างจริงๆ
Ebro Darden (ED): พวกเขาอยากที่จะยิ่งใหญ่ อยากที่จะเขียนเพลงอันยอดเยี่ยม อยากที่จะทำให้เรารู้สึกถึงทุกสิ่งเหล่านั้น และก็ให้ความรู้สึกที่สมจริงมาก
8. Back to Black (2006), Amy Winehouse
การแสดงของ Amy Winehouse หรือพูดอีกอย่างก็คือเสียงร้องอันเป็นอมตะทำให้เพลงของเธอแตกต่างออกไป ไม่พยายามมากจนเกินไปที่สร้างอดีตขึ้นมาอีกครั้งแต่เป็นการให้เกียรติแก่ดนตรีที่เธอรัก ในขณะที่ก็จริงใจในตัวตนของตัวเองที่เป็นคนยุคมิลเลนเนียนซึ่งอาจจะพูดจาหยาบคาย แต่ก็ไม่ได้ต้องการเรียกร้องความสนใจจากคนอื่น เสียงของ Back to Black อาจดึงดูดใจแฟนๆ ที่ชื่นชอบเพลงโซลแบบย้อนยุคและแจ๊สสไตล์คลาสสิก แต่ท่วงทำนองมีความใกล้เคียงกับการเป็นเพลงแร็ปมากกว่า ใช่แล้ว เธอเป็นคนตลก แต่เธอก็ไม่ได้พูดจาเหลวไหล
ZL: เป็นเพลงที่ทำให้ใจสลายได้ตลอด 35 นาที เป็นความใจสลายจากความไม่สมหวัง ความเจ็บปวดที่ทำขึ้นมาในตอนนั้นสำหรับการเต้นรำ สำหรับการร้องตาม สำหรับการโยกตัวตาม แต่อย่าปล่อยให้ความสุขจากเสียงเพลงทำให้เข้าใจเพลงนี้ผิด นี่เป็นการเขียนเพลงที่ออกมาจากความเจ็บปวด
ED: ตั้งแต่เริ่มต้น ผมก็รู้สึกเหมือนว่าเสียงของเธอมาจากยุคสมัยอื่น เหมือนสไตล์ของเสียงและสิ่งที่เธอทำมีความเป็นอมตะอยู่ในนั้น
MR: หลายครั้งที่ฉันได้ฟังศิลปินที่พยายามทำและอ้างอิงสิ่งที่มาจากอดีต ฉันก็มักจะรู้สึกเหมือนว่า อยากฟังสิ่งที่เป็นต้นฉบับมากกว่า...แต่ Amy Winehouse ทำออกมาในแบบที่เหมือนจะดั้งเดิม แล้วก็เพิ่มบางสิ่งเข้าไปพร้อมกับทำให้มันก้าวไปข้างหน้า
7. good kid, m.A.A.d city (2012), Kendrick Lamar
good kid, m.A.A.d city ซึ่งเป็นอัลบั้มที่ 2 ของ Kendrick Lamar เป็นหนึ่งในอัลบั้มเพลงฮิปฮ็อปที่สุดประณีตของศตวรรษที่ 21 โดยรุ่นพี่ในแถบเวสต์โคสต์อย่าง Snoop Dogg และ Dr. Dre ยกย่อง Lamar ว่าเป็นผู้ที่สานต่อตำนานของแร็ปสไตล์ Gangsta และมรดกของอัลบั้มนี้ก็เป็นตัวอย่างสำคัญของการเล่าเรื่องสไตล์อเมริกันแบบผู้ชนะรางวัลพูลลิตเซอร์ อย่างที่อาจเรียกได้ว่าเป็นนักเขียนที่ประสบความสำเร็จที่สุดของยุคสมัยของเขา
ZL: นี่เป็นหนึ่งในอัลบั้มที่มีการคัดสรร การสร้างสรรค์ และการจัดเรียงโครงสร้างของรายการเพลงมาอย่างงดงามของยุคสมัยใหม่
ED: Compton เพิ่งนำเสนอเพลงฮิปฮ็อปมากมายที่สร้างความกดดันอย่างมากให้กับเด็กคนนี้ แต่ด้วยความสามารถในการนำเสนอเรื่องราว บาร์ของเพลง พลังงาน การแสดงของวัตถุดิบที่นำมาอัดเสียง...เขาได้มอบสำนึกของความเป็นคนผิวดำที่คุณจะไม่ได้รับในเพลงฮิปฮ็อปเสมอไป และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมรู้สึกภูมิใจจริงๆ กับความจริงที่ว่าอัลบั้มนี้อยู่ในตำแหน่งอย่างที่ควรจะอยู่ในรายชื่อนี้
6. Songs in the Key of Life (1976), Stevie Wonder
ในช่วงปี 1974 นั้น Stevie Wonder เป็นศิลปินเพลงป๊อปซึ่งเป็นที่นับถือที่สุดคนหนึ่งของโลก แต่เขาก็ยังเคยคิดที่จะออกจากวงการเพลงด้วยเช่นกัน ตอนที่อัลบั้ม Songs in the Key of Life วางตลาดในช่วง 2 ปีหลังจากนั้น อัลบั้มนี้ก็กลายมาเป็นที่ต้องการเป็นอย่างมากในตอนนั้น จนกลายเป็นอัลบั้มที่ขายได้เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ อัลบั้มซึ่งยาวเกือบ 90 นาทีเป็นเพลงที่ฟังง่ายๆ เข้าถึงได้ในวงกว้าง แต่ก็มีความเป็นส่วนตัวเป็นอย่างยิ่ง ทั้งเสียง วัฒนธรรม และอารมณ์ทำให้ Songs in the Key of Life เป็นมากกว่าคอลเลกชั่นเพลงจำนวนมหาศาล แต่ได้สร้างโลกทัศน์ใหม่ทั้งหมด
NR: สำหรับผม ไม่ว่าเขาจะเล่นเครื่องดนตรีชิ้นไหน เขาจะเหมือนกับพูดด้วยเสียงเดียวกัน ซึ่งเป็นพรสวรรค์ที่โดดเด่นมากจริงๆ การร้องเพลงของเขา การเล่นฮาร์โมนิกา การเล่นคีย์บอร์ด ทุกอย่างฟังแล้วก็คือ Stevie Wonder
ZL: มันมีความเป็นเอกลักษณ์มาก และเขาก็ยังคงมีตัวตนอันยิ่งใหญ่และมีอิทธิพลอย่างมากต่อศิลปินในทุกวันนี้ทั้งรุ่นหนุ่มสาวและผู้ที่อยู่มานานแล้วก็ตาม
MR: Songs in the Key of Life ยังคงดำรงอยู่ในฐานะของงานศิลปะอันเหลือเชื่อ ฉันแทบนึกไม่ออกเลยว่าโลกจะเป็นยังไงถ้าไม่มีอัลบั้มนี้
5. Blonde (2016), Frank Ocean
ถึงแม้ Blonde จะอัดแน่นด้วยเพลงถึง 17 เพลงในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง อัลบั้มนี้ก็เต็มไปด้วยไอเดียอันมากมาย ที่เป็นเหมือนคัมภีร์แห่งปัญญาที่ประกาศถึงตัวตนทางศิลปะของคนๆ นั้น และเชื่อมั่นว่าผู้ฟังจะตามติดไปกับพวกเขาด้วย ซึ่งพวกเขาก็ทำได้จริงๆ และ Ocean ก็สร้างตัวตนได้ในฐานะของศิลปินแห่งยุคสมัยที่โดดเด่น ซึ่งเหมาะเจาะกับความซับซ้อนและความเปลี่ยนแปลงอันปั่นป่วนในช่วงทศวรรษที่ 2 ของศตวรรษที่ 21
ZL: มันเป็นเหมือนเสียงเพลงที่ละเลงอยู่บนผืนผ้าใบ ผมมองดูผืนผ้าใบนี้ผ่านแสงที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลาของวัน ขึ้นอยู่กับว่าผมรู้สึกอย่างไร และผมก็เห็นฝีแปรงที่ละเลงสีซึ่งผมไม่เคยเห็นมาก่อน หรือแม้แต่รับรู้ว่าเคยมีอยู่ ซึ่งมีความซับซ้อนของความคิดและอารมณ์ สิ่งที่สะกิดใจเราและไอเดีย ที่ทำให้เรารู้สึกแตกต่างออกไปได้ในแต่ละครั้ง
MR: อัลบั้มนี้ให้ความรู้สึกเหมือนหมอกที่กำลังก่อตัวขึ้นมา เป็นสิ่งที่บอบบาง คาดเดาไม่ได้ แต่ก็ชัดเจน
4. Purple Rain (1984), Prince & The Revolution
ด้วยครึ่งหนึ่งของรายการแทร็คเพลงที่เป็นซิงเกิลยอดนิยมถึง 10 เพลง อัลบั้มซาวด์แทร็คนี้จึงทำให้ Prince Rogers Nelson กลายมาเป็นหนึ่งในศิลปินเพลงป๊อปซึ่งโดดเด่นและเป็นที่จดจำได้มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา บ่อยครั้งที่ Prince ถูกนำไปเปรียบเทียบกับ Jimi Hendrix จากวิธีการมิกซ์เพลงของเขาที่ให้ความรู้สึกของผิวดำและผิวขาว ทั้งความศักดิ์สิทธิ์และความสามัญธรรมดา แต่ความจริงก็คือเขาไม่ได้เอาแบบอย่างมาจากใครในอดีต และก็ไม่อาจเทียบได้กับใครในปัจจุบัน
ED: Prince เป็นศิลปินสุดโปรดตลอดกาลของผม อย่างไม่มีอะไรต้องสงสัย คุณสามารถชี้ไปที่ทุกๆ อย่างที่เขาทำได้เลย เขาเล่นเครื่องดนตรีได้จริงๆ เขาแต่งเพลงได้ เขาร้องเพลงบนเวทีได้ดี เขากำกับแนวทางศิลปะของตัวเอง เขาออกแบบแฟชั่นของตัวเอง ทั้งหมดนี้ก็คือเขา
NR: เมื่อคุณนึกถึงศิลปินสักคนหนึ่งที่มีผลกระทบอย่างมากต่อชีวิตของคุณ ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับ Prince เป็นสิ่งที่แปลกประหลาดมาก เพราะเราต่างก็เป็นคนธรรมดา แต่ก็ยากที่จะพูดอย่างนั้น เพราะเขาไม่ธรรมดา เขาไม่ปกติเป็นอย่างมาก แต่สำหรับดนตรี ภาพยนตร์ และแทบจะทุกอย่างเกี่ยวกับอัลบั้มของเขาเป็นสิ่งที่น่าทึ่งอย่างมาก และทำให้ผมรู้สึกนับถือและมีความสุข และไม่เพียงแต่คุณจะทำให้สิ่งที่ดั้งเดิมยังคงมีชีวิตชีวา แต่คุณยังนำพาเราขึ้นไปอีกระดับหนึ่งด้วย ผมภูมิใจมากที่ได้อยู่ในโลกในเวลาเดียวกับที่เขามีชีวิตอยู่
3. Abbey Road (1969), The Beatles
อัลบั้ม Abbey Road ของ The Beatles เป็นคอลเลกชั่นเพลงที่เหมือนจะไม่เข้ากันแต่มีความเป็นอมตะ จากวงที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับโลกในช่วงเวลาที่เขาอยู่ในจุดสูงสุด อัลบั้มที่ 11 และเป็นอัลบั้มสุดท้ายของวงให้ความรู้สึกเหมือนกำลังนั่งฟังเพลงอยู่ในห้อง ซึ่งมีมนุษย์ที่เปี่ยมด้วยพรสวรรค์ 4 คนกำลังเล่นเพลงที่ติดหูเพลงแล้วเพลงเล่าให้เราฟัง
MR: การทำเพลงที่บรรยายถึงความเจ็บปวดหรือความเสียใจอันยิ่งใหญ่ของมนุษย์ แล้วตามด้วยเพลงที่คุณจะเล่นอย่างมีความสุขตอนอายุ 3 ขวบ แล้วตามด้วยเพลงรักอันแสนยอดเยี่ยม เป็นบางสิ่งที่พิเศษมาก...เป็นสิ่งที่เป็นอมตะในแบบที่ไม่ใช่แค่เพลงที่จะคงอยู่ตลอดกาล แต่เป็นเพลงสำหรับทุกช่วงขณะของความเป็นมนุษย์ และทุกความรู้สึกของมนุษย์ล้วนอยู่ในอัลบั้มนี้ เป็นอัลบั้มสำหรับผู้คนทุกวัย
NR: The Beatles มีบางสิ่งที่ยังคงเป็นเหมือนมนต์วิเศษเสมอสำหรับผม ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม เพลงแรกที่ผมหัดเล่นกีตาร์ก็คือเพลงของ The Beatles ผมรู้ได้ทันทีในตอนนั้นเลยว่า ผมจะต้องเป็นนักกีตาร์ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นผมเป่าคลาริเน็ต
ZL: เป็นเพลงที่อยู่กับผู้คนในขณะที่ใช้ชีวิตไปจนถึงจุดต่างๆ ของชีวิต...เพลงที่เล่นตอนวันครบรอบ งานแต่งงาน งานศพ ตอนตกหลุมรัก ตอนอกหัก มีหนังสือเพลงจำนวนมากที่พูดถึงช่วงเวลาต่างๆ ของชีวิต แต่ผมคิดว่า The Beatles ก็คือ บทเพลงแห่งชีวิต
2. Thriller (1982), Michael Jackson
ดูเหมือนว่าจะมีอัลบั้มเพลงป๊อปหรือแม้แต่งานศิลปะไม่กี่ชิ้น ที่แสดงถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลในเรื่องของเวลาและกาลอวกาศได้ในแบบที่อัลบั้ม Thriller ของ Michael Jackson ทำให้เกิดขึ้นในปี 1982 จากการที่เป็นเพลงป๊อปยุคใหม่ที่ได้รับความนิยมอย่างถล่มทลาย และได้สร้างนิยามใหม่ของขอบเขตและการเข้าถึงของดนตรี โดย 7 เพลงจาก 9 เพลงที่ตัดออกมาติดอันดับ 10 ซิงเกิลยอดนิยม และกลายมาเป็นหนึ่งอัลบั้มที่ขายดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ZL: ไม่เพียงแต่อัลบั้มนี้จะขายดีกว่าทุกอย่างในปีแรกที่เปิดตัว แต่ยังมียอดขายนำหน้าทุกอย่างในปีที่ 2 และก็เปลี่ยนวิธีการที่ผู้คนทำเพลง เปิดตัวเพลง จัดจำหน่าย ทำการตลาด ซึ่งไม่เคยมีใครตามได้ทัน เป็นการตั้งมาตรฐานไว้สูงอย่างมาก
NR: ตอนที่ Michael เปิดตัวอัลบั้มนี้ สำหรับผมแล้ว เป็นการเปลี่ยนโลกไปเลย เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เหมือนแผ่นดินไหว การมีศิลปินผิวดำที่ทำมิวสิควิดีโอในระดับเดียวกับ “Thriller” เป็นการเปลี่ยนโลกจริงๆ
1. The Miseducation of Lauryn Hill (1998), Lauryn Hill
อัลบั้มสตูดิโอเดี่ยวอัลบั้มแรกและอัลบั้มเดียวของ Lauryn Hill เป็นปรากฏการณ์อันสั่นสะเทือนโลกของปี 1998 เป็นการเพ่งพินิจอย่างเรียบง่ายแต่ลึกซึ้งไปยังพื้นที่ทางจิตวิญญาณ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่จิตวิญญาณของหนึ่งในดาราที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของยุค แต่เป็นจิตวิญญาณแห่งยุคนั้น เธอเป็นศิลปินผู้มากความสามารถซึ่งหาได้ยากในรุ่นเดียวกัน และยังคงเป็นอยู่ ซึ่งเสียงแห่งแรงบันดาลใจและการสร้างสรรค์ของเธอยังคงดังอยู่อย่างต่อเนื่องมาหลายทศวรรษ ขณะที่ศิลปินที่เหนื่อยอ่อนกับการสะสมผลงานมายาวนานต่างก็หวังที่จะมีผลงานสักชิ้นหนึ่งที่เข้าถึงและครองใจผู้คนมากพอที่จะสร้างวัฒนธรรมใหม่ และได้รับการจารึกชื่อของศิลปินเอาไว้ แต่ Lauryn Hill ทำทั้งหมดนี้ได้ในครั้งเดียว
ZL: อัลบั้มนี้ไม่เพียงแต่จะเข้าถึงผู้คนซึ่งอยู่ในยุคที่เปิดตัวออกมาและคนที่หลงรักอัลบั้มนี้อย่างมาก แต่เป็นอัลบั้มที่ไม่เคยตกยุค แม้แต่เพียงส่วนเสี้ยวเดียว ที่จริงแล้ว ยิ่งคุณฟังมากเท่าใด อัลบั้มนี้ก็จะยิ่งให้ความรู้สึกสดใหม่และมีความเกี่ยวข้องกับตัวเองมากขึ้นเท่านั้น...มีศิลปินรุ่นหนุ่มสาวมากมายที่ได้ฟังอัลบั้มนี้ และก็กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของดีเอ็นเอความเป็นศิลปินในตัวพวกเขา เป็นอัลบั้มที่จุดประกายแรงบันดาลใจและมีอิทธิพลต่อพวกเขา..เป็นอัลบั้มที่เป็นอมตะอย่างแท้จริง
MR: Lauryn ดึงให้ทุกคนตามติดไปกับเธอในอัลบั้มนี้ ทั้งชุมชนของตนเอง ทั้งเพื่อนและครอบครัว คุณอยู่ในครัว อยู่ในห้องนั่งเล่นไปกับเธอ คุณได้ยินเสียงผู้คน ได้ยินเสียงพูด... เป็นเสียงที่เปิดเผย แผ่กระจายไปทั่ว และตรงจุด... การมีศิลปินอย่าง Lauryn Hill อยู่ในอันดับ 1 เป็นสิ่งที่มีความหมายเป็นอย่างมาก
ED: เป็นอัลบั้มที่มีความเป็นส่วนตัวสูงมาก และนำเสนอได้ในทุกระดับ เป็นตัวอย่างที่ดีและแสดงภาพของดนตรีป๊อปในช่วง 25 ปีที่ผ่านมาได้อย่างครบถ้วน อัลบั้มนี้มีทั้งความเป็น R&B, ความเป็นฮิปฮ็อป แสดงถึงผู้หญิงที่เป็นอิสระ เข้มแข็ง เป็นทั้งเหตุการณ์ ทั้งตัวอย่าง... ซึ่งทำให้ผมคิดว่านี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ได้รับการโหวตเป็นอันดับ 1
NR: เธอน่าทึ่งมาก อัลบั้มนี้ก็น่าทึ่งเช่นกัน
รับชมการสนทนาโต๊ะกลมฉบับเต็มของ Nile Rodgers, Maggie Rogers, Zane Lowe และ Ebro Darden ได้ที่ music.apple.com
เพื่อเป็นของขวัญเพิ่มเติมสำหรับแฟนเพลง Apple Music ได้สร้างสรรค์คลิปเสียง 100 เรื่องที่บอกเล่าเรื่องราวของแต่ละอัลบั้มพร้อมคำอธิบายเกี่ยวกับความสำคัญและตำแหน่งของแต่ละอัลบั้มในรายชื่อนี้ คลิปเสียงเหล่านี้ซึ่งเขียนบทโดยทีมผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรีและตัดต่อโดยผู้กำกับเสียงมือรางวัล เป็นเสมือนเพื่อนคู่ใจของ 100 อัลบั้มที่ดีที่สุดของ Apple Music โดยสามารถรับฟังเรื่องราวเบื้องหลังของแต่ละอัลบั้มและอื่นๆ ได้บน Apple Podcasts ที่ apple.co/100BestRadio
แฟนเพลงยังสามารถเข้าถึงเนื้อหาพิเศษเกี่ยวกับ 100 อัลบั้มที่ดีที่สุดได้ทั่วทั้งระบบนิเวศของ Apple บน App Store, Apple News, Apple Retail, apple.com และอีกมากมาย นอกจากนี้ยังสามารถสำรวจพื้นที่พิเศษสำหรับ 100 อัลบั้มที่ดีที่สุดได้บน Apple Books ซึ่งร่วมยกย่องแต่ละอัลบั้ม และเรื่องราวเกี่ยวกับศิลปินที่อยู่ในรายชื่อนี้
แชร์บทความ
Media
-
เนื้อหาของบทความนี้