ข่าวประชาสัมพันธ์
26 มกราคม 2567
Apple ประกาศความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับ iOS, Safari และ App Store ในสหภาพยุโรป
สำหรับนักพัฒนา การเปลี่ยนแปลงนี้รวมถึงทางเลือกใหม่ๆ ในการแจกจ่ายแอปและประมวลผลการชำระเงิน
สำหรับผู้ใช้ การเปลี่ยนแปลงนี้รวมถึงการควบคุมและการเปิดเผยข้อมูลแบบใหม่ และการเพิ่มมาตรการป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยที่เกิดจาก DMA
สำหรับผู้ใช้ การเปลี่ยนแปลงนี้รวมถึงการควบคุมและการเปิดเผยข้อมูลแบบใหม่ และการเพิ่มมาตรการป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยที่เกิดจาก DMA
คูเปอร์ติโน รัฐแคลิฟอร์เนีย Apple ประกาศความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับ iOS, Safari และ App Store เพื่อให้เป็นไปตาม Digital Markets Act (DMA) ซึ่งจะส่งผลต่อแอปของนักพัฒนาในสหภาพยุโรป (EU) การเปลี่ยนแปลงนี้รวมถึง API ใหม่กว่า 600 ตัว, เครื่องมือวิเคราะห์แอปที่มีมากขึ้น, ฟังก์ชั่นสำหรับเอนจิ้นของเบราว์เซอร์ทางเลือก และตัวเลือกสำหรับการประมวลผลการชำระเงินค่าแอป และการแจกจ่ายแอป iOS นอกจากนี้ Apple ยังเปิดตัวมาตรการป้องกันใหม่ๆ สำหรับทุกการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เพื่อช่วยลดความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นสำหรับผู้ใช้ใน EU อันเป็นผลมาจาก DMA ถึงแม้จะไม่สามารถป้องกันได้ทั้งหมดก็ตาม ขั้นตอนต่างๆ เหล่านี้มีขึ้นเพื่อให้ Apple ยังคงสามารถมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้สำหรับผู้ใช้ใน EU
ตัวเลือกใหม่ๆ สำหรับการประมวลผลการชำระเงินและดาวน์โหลดแอปบน iOS เป็นการเปิดช่องทางใหม่ให้กับมัลแวร์ การฉ้อโกงและหลอกลวง คอนเทนต์ผิดกฎหมายและเป็นอันตราย และภัยคุกคามต่อความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย ด้วยเหตุนี้ Apple จึงออกมาตรการป้องกันใหม่ๆ เพิ่มเติม อย่างเช่น Notarization สำหรับแอป iOS, การต้องขออนุญาตสำหรับนักพัฒนามาร์เก็ตเพลส และการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับทางเลือกอื่นในการชำระเงิน ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อลดความเสี่ยงและมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้สำหรับผู้ใช้ใน EU ซึ่งถึงแม้จะมีมาตรการป้องกันดังที่กล่าวมาแล้ว แต่ก็ยังคงมีความเสี่ยงอยู่อีกมาก
นักพัฒนาสามารถดูข้อมูลการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้ในหน้าบริการช่วยเหลือสำหรับนักพัฒนา Apple และเริ่มทดสอบความสามารถใหม่ๆ ได้แล้ววันนี้ใน iOS 17.4 รุ่นเบต้า โดยความสามารถใหม่เหล่านี้จะเปิดให้ผู้ใช้ใน 27 ประเทศ EU เริ่มใช้งานได้ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2024 เป็นต้นไป
"การเปลี่ยนแปลงที่เราประกาศในวันนี้เป็นไปตามข้อบังคับของ Digital Markets Act ในสหภาพยุโรป โดยที่ยังคงปกป้องผู้ใช้ใน EU จากภัยคุกคามด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ซึ่งเป็นผลมาจากกฎระเบียบนี้ และเรื่องที่เราให้ความสำคัญสูงสุดคือการสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้สำหรับผู้ใช้ของเราใน EU และทั่วโลก" Phil Schiller ซึ่งเป็น Apple Fellow กล่าว "วันนี้นักพัฒนาสามารถดูข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องมือและข้อกำหนดใหม่ๆ สำหรับวิธีทางเลือกในการแจกจ่ายแอปและประมวลผลการชำระเงิน ความสามารถใหม่สำหรับเอนจิ้นของเบราว์เซอร์ทางเลือก รวมถึงการชำระเงินแบบไร้สัมผัส และอื่นๆ และที่สำคัญ นักพัฒนาสามารถเลือกปฏิบัติตามข้อกำหนดทางธุรกิจเดิมที่มีอยู่ในปัจจุบันได้หากต้องการ"
การเปลี่ยนแปลงสำหรับแอปใน EU สอดคล้องกับที่คณะกรรมมาธิการยุโรปกำหนดให้ iOS, Safari และ App Store เป็น "บริการแพลตฟอร์มหลัก หรือ Core Platform Services" ภายใต้ Digital Markets Act และในเดือนมีนาคมนี้ Apple จะเผยแพร่แหล่งข้อมูลใหม่ๆ เพื่อช่วยผู้ใช้ใน EU ทำความเข้าใจกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ตัวอย่างเช่น คำแนะนำที่จะช่วยผู้ใช้ใน EU รับมือกับความซับซ้อนของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจาก DMA ซึ่งรวมถึงประสบการณ์การใช้งานที่ยุ่งยากมากขึ้น ตลอดจนแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมสำหรับจัดการกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการดาวน์โหลดแอปและประมวลผลการชำระเงินนอก App Store
นอกจากนี้ Apple ยังประกาศทางเลือกใหม่ๆ สำหรับการสตรีมเกม พร้อมด้วยรายงานอีกกว่า 50 ฉบับที่กำลังจะจัดทำขั้น ซึ่งครอบคลุมเรื่องต่างๆ เช่น Engagement, Commerce, App Usage และอีกมากมายสำหรับแอปของนักพัฒนาทั่วโลก
การเปลี่ยนแปลงในส่วน iOS
ใน EU นั้น Apple ปรับเปลี่ยนหลายอย่างใน iOS เพื่อให้เป็นไปตาม DMA ซึ่งสำหรับนักพัฒนา การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวรวมไปถึงทางเลือกใหม่ๆ ในการแจกจ่ายแอป ตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับ iOS ใน EU มีดังนี้
- ทางเลือกใหม่ๆ สำหรับการแจกจ่ายแอป iOS จากมาร์เก็ตเพลสแอปทางเลือก — ซึ่งรวมถึง API และเครื่องมือใหม่ๆ ที่จะช่วยให้นักพัฒนาสามารถนำแอป iOS ของตนไปเผยแพร่ให้ดาวน์โหลดในมาร์เก็ตเพลสแอปทางเลือกได้
- เฟรมเวิร์กและ API ใหม่ๆ สำหรับการสร้างมาร์เก็ตเพลสแอปทางเลือก — ทำให้นักพัฒนามาร์เก็ตเพลสสามารถติดตั้งแอปและจัดการกับการอัปเดตในนามของนักพัฒนารายอื่นจากแอปมาร์เก็ตเพลสที่ตนเองสร้างขึ้นโดยเฉพาะได้
- เฟรมเวิร์กและ API ใหม่ๆ สำหรับเอนจิ้นของเบราว์เซอร์ทางเลือก — ทำให้นักพัฒนาสามารถใช้เอนจิ้นของเบราว์เซอร์อื่นนอกเหนือจาก WebKit สำหรับแอปในเบราว์เซอร์ และแอปที่มีคุณสมบัติการท่องเว็บภายในแอป
- แบบฟอร์มขอทำงานร่วมกัน — ที่ซึ่งนักพัฒนาสามารถส่งคำขอทำงานร่วมกับ iPhone และฮาร์ดแวร์ iOS รวมถึงคุณสมบัติของซอฟต์แวร์เพิ่มเติมได้
นอกจากนี้ ดังที่คณะกรรมาธิการยุโรปได้ออกประกาศ Apple ยังได้ทำการปรับเปลี่ยนที่ส่งผลต่อการชำระเงินแบบไร้สัมผัสเพื่อให้เป็นไปตาม DMA อีกด้วย ซึ่งรวมถึง API ใหม่ที่ช่วยให้นักพัฒนาสามารถใช้เทคโนโลยี NFC ในแอปการธนาคารและกระเป๋าสตางค์ได้ทั่วทั้งเขตเศรษฐกิจยุโรป และใน EU Apple ยังเพิ่มการควบคุมใหม่ๆ ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกแอปการชำระเงินแบบไร้สัมผัสของบริษัทอื่น หรือเลือกมาร์เก็ตเพลสแอปทางเลือกอื่นๆ เป็นค่าเริ่มต้นได้
อย่างไรก็ดี ตัวเลือกใหม่เหล่านี้สำหรับแอปของนักพัฒนาใน EU เป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้กับผู้ใช้ Apple และอุปกรณ์ของผู้ใช้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยที่ Apple เองก็ไม่สามารถลดความเสี่ยงเหล่านั้นจนเหลือศูนย์ได้ แต่บริษัทจะดำเนินการต่างๆ เพื่อลดความเสี่ยงเท่าที่ทำได้ภายใต้ข้อจำกัดของ DMA โดยที่มาตรการป้องกันดังต่อไปนี้จะพร้อมใช้งานเมื่อผู้ใช้ดาวน์โหลด iOS 17.4 หรือใหม่กว่าเริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม
- Notarization สำหรับแอป iOS — การตรวจสอบขั้นพื้นฐานที่ใช้กับทุกแอปไม่ว่าจะแจกจ่ายผ่านช่องทางใด โดยมุ่งเน้นที่ความซื่อตรงของแพลตฟอร์มและการปกป้องผู้ใช้ โดยที่ Notarization จะใช้วิธีการตรวจสอบแบบอัตโนมัติควบคู่ไปกับการตรวจสอบโดยมนุษย์
- แผ่นข้อมูลการติดตั้งแอป — ที่ใช้ข้อมูลจากกระบวนการ Notarization เพื่อแสดงคำอธิบายคร่าวๆ เกี่ยวกับแอปและฟังก์ชั่นการทำงานของแอปนั้นก่อนดาวน์โหลด เช่น ชื่อนักพัฒนา ภาพหน้าจอ และข้อมูลสำคัญอื่นๆ
- การต้องขออนุญาตสำหรับนักพัฒนามาร์เก็ตเพลส — เพื่อให้มั่นใจว่านักพัฒนามาร์เก็ตเพลสปฏิบัติตามข้อกำหนดที่มีอยู่ ซึ่งช่วยปกป้องทั้งผู้ใช้และตัวนักพัฒนาเอง
- ระบบป้องกันมัลแวร์เพิ่มเติม — ที่จะป้องกันไม่ให้แอป iOS เปิดทำงานหากตรวจพบว่ามีมัลแวร์หลังจากติดตั้งลงในอุปกรณ์ของผู้ใช้แล้ว
มาตรการป้องกันเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็น Notarization สำหรับแอป iOS หรือการต้องขออนุญาตสำหรับนักพัฒนามาร์เก็ตเพลส ช่วยลดความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ iOS ใน EU ได้บางส่วน ซึ่งรวมถึงภัยคุกคามอย่างมัลแวร์หรือโค้ดที่เป็นอันตราย และความเสี่ยงจากการติดตั้งแอปที่บิดเบือนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับฟังก์ชั่นการทำงานหรือนักพัฒนาที่รับผิดชอบ
อย่างไรก็ตาม Apple ไม่สามารถทำอะไรกับความเสี่ยงประเภทอื่นได้มากนัก อย่างเช่นแอปที่มีการหลอกลวง ฉ้อโกง และใช้งานผิดวัตถุประสงค์ หรือทำให้ผู้ใช้ต้องเสี่ยงกับคอนเทนต์ผิดกฎหมาย มีเนื้อหาไม่พึงประสงค์ หรือเป็นอันตราย นอกจากนี้แอปที่ใช้เอนจิ้นของเบราว์เซอร์ทางเลือกอื่นๆ นอกเหนือจาก WebKit ของ Apple ยังอาจส่งผลให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ไม่ดี ซึ่งรวมถึงผลกระทบที่เกิดกับประสิทธิภาพระบบและระยะเวลาการใช้งานของแบตเตอรี่
Apple มุ่งมั่นที่จะปกป้องความเป็นส่วนตัว ความปลอดภัย รวมถึงคุณภาพของประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ iOS ใน EU ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ภายใต้ข้อจำกัดของ DMA ตัวอย่างเช่น คุณสมบัติความโปร่งใสในการติดตามของแอปหรือ App Tracking Transparency จะยังคงใช้งานได้กับแอปที่แจกจ่ายนอก App Store เพื่อขออนุญาตผู้ใช้ก่อนที่นักพัฒนาจะติดตามข้อมูลของผู้ใช้ข้ามแอปหรือเว็บไซต์ อย่างไรก็ตาม ข้อบังคับของ DMA จะทำให้คุณสมบัติ App Store บางอย่าง เช่น การแชร์สินค้าที่ซื้อภายในครอบครัวและการขออนุญาตซื้อ ไม่สามารถใช้งานร่วมกับแอปที่ดาวน์โหลดนอก App Store ได้
เมื่อการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มีผลในเดือนมีนาคม Apple จะเผยแพร่แหล่งข้อมูลต่างๆ เพิ่มเติมเพื่ออธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับทางเลือกที่ผู้ใช้มี ซึ่งรวมถึงแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้ใช้
การเปลี่ยนแปลงในส่วน Safari
วันนี้ผู้ใช้ iOS สามารถตั้งค่าให้เว็บเบราว์เซอร์ของบริษัทอื่นที่ไม่ใช่ Safari เป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้นได้แล้ว และเพื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับของ DMA ทาง Apple ยังจะเพิ่มหน้าจอแสดงตัวเลือกแบบใหม่ที่จะปรากฏขึ้นมาเมื่อผู้ใช้เปิด Safari ครั้งแรกใน iOS 17.4 หรือใหม่กว่า โดยที่หน้าจอดังกล่าวจะแจ้งให้ผู้ใช้ใน EU เลือกเบราว์เซอร์เริ่มต้นจากตัวเลือกในรายการ
การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นผลมาจากข้อบังคับของ DMA และหมายความว่าผู้ใช้ใน EU จะต้องเจอกับรายการเบราว์เซอร์เริ่มต้นก่อนจะมีโอกาสได้ทำความเข้าใจตัวเลือกต่างๆ ที่มีให้ด้วยซ้ำ และหน้าจอดังกล่าวยังทำให้ประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ใน EU ติดขัดในครั้งแรกที่เปิด Safari เพื่อเปิดดูเว็บเพจอีกด้วย
การเปลี่ยนแปลงในส่วน App Store
Apple ทำการปรับเปลี่ยนหลายอย่างใน App Store สำหรับนักพัฒนาที่มีแอปอยู่ใน EU ซึ่งจะส่งผลต่อแอปในทุกระบบปฏิบัติการของ Apple ทั้ง iOS, iPadOS, macOS, watchOS และ tvOS และการเปลี่ยนแปลงนี้ยังรวมถึงการเปิดเผยข้อมูลใหม่ๆ เพื่อแจ้งให้ผู้ใช้ EU ทราบถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลการชำระเงินด้วยวิธีทางเลือกอื่นๆ นอกเหนือจากวิธีที่ปลอดภัยของ App Store
ตัวอย่างของการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวสำหรับนักพัฒนามีดังนี้
- ทางเลือกใหม่ๆ สำหรับการใช้ผู้ให้บริการชำระเงิน (PSP) — ภายในแอปของนักพัฒนาเพื่อประมวลผลการชำระเงินค่าสินค้าและบริการดิจิทัล
- ทางเลือกใหม่ๆ สำหรับประมวลผลการชำระเงินผ่านลิงก์ภายนอก — โดยที่ผู้ใช้สามารถทำรายการซื้อสินค้าและบริการดิจิทัลจนแล้วเสร็จบนเว็บไซต์ภายนอกของนักพัฒนา นอกจากนี้นักพัฒนายังสามารถแจ้งผู้ใช้ใน EU เกี่ยวกับโปรโมชั่น ส่วนลด และข้อเสนออื่นๆ ที่มีให้นอกแอปของตัวเองได้อีกด้วย
- เครื่องมือวางแผนธุรกิจ — สำหรับให้นักพัฒนาใช้ในการประเมินค่าธรรมเนียมและทำความเข้าใจกับค่าวัดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อกำหนดทางธุรกิจใหม่ของ Apple สำหรับแอปใน EU
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวยังรวมถึงขั้นตอนใหม่ๆ ในการปกป้องและแจ้งข้อมูลให้ผู้ใช้ใน EU รับทราบ ดังนี้
- ป้ายกำกับหน้าผลิตภัณฑ์ใน App Store — ที่จะแจ้งให้ผู้ใช้ทราบเมื่อแอปที่กำลังดาวน์โหลดประมวลผลการชำระเงินด้วยวิธีทางเลือกอื่นๆ
- แผ่นการเปิดเผยข้อมูลภายในแอป — ที่จะแจ้งให้ผู้ใช้ทราบเมื่อผู้ใช้ไม่ได้ทำรายการกับ Apple อีกต่อไป และเมื่อนักพัฒนากำลังพาผู้ใช้ไปทำรายการกับผู้ให้บริการประมวลผลการชำระเงินทางเลือก
- กระบวนการใหม่ในการตรวจสอบแอป — เพื่อตรวจสอบยืนยันว่านักพัฒนาสื่อสารข้อมูลอย่างถูกต้องตรงความเป็นจริงเกี่ยวกับการทำรายการด้วยผู้ประมวลผลการชำระเงินทางเลือกอื่นๆ
- ขยายความสามารถในการขอให้โอนข้อมูลบนเว็บไซต์ข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของ Apple — ที่ซึ่งผู้ใช้ใน EU สามารถขอดูข้อมูลใหม่ๆ เกี่ยวกับการใช้งาน App Store ของตน และส่งออกข้อมูลนั้นไปยังผู้ให้บริการรายอื่นที่ได้รับอนุญาต
สำหรับแอปที่ประมวลผลการชำระเงินด้วยวิธีทางเลือกนั้น Apple จะไม่สามารถดำเนินการคืนเงินให้ได้ และอาจให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่พบปัญหา การหลอกลวง หรือการฉ้อโกงได้ไม่มากนัก นอกจากนี้คุณสมบัติอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ใน App Store อย่างการรายงานปัญหา การแชร์กันในครอบครัว และการขออนุญาตซื้อ ก็จะไม่ครอบคลุมถึงการทำรายการลักษณะนี้ ยิ่งไปกว่านั้นผู้ใช้อาจต้องเปิดเผยข้อมูลการชำระเงินกับผู้ให้บริการรายอื่น ซึ่งเป็นการเปิดช่องให้ผู้ไม่หวังดีมีโอกาสขโมยข้อมูลการเงินที่สำคัญได้มากขึ้น และใน App Store ประวัติการซื้อและการจัดการกับการสมัครรับจะครอบคลุมเฉพาะการทำรายการที่เกิดขึ้นในระบบชำระเงินภายในแอปของ App Store เท่านั้น
ข้อกำหนดทางธุรกิจใหม่สำหรับแอปใน EU
วันนี้ Apple ยังเผยข้อกำหนดทางธุรกิจใหม่ที่จัดทำขึ้นสำหรับแอปของนักพัฒนาในสหภาพยุโรปด้วย และนักพัฒนาสามารถเลือกรับข้อกำหนดทางธุรกิจใหม่นี้ หรือปฏิบัติตามข้อกำหนดเดิมของ Apple ก็ได้ โดยที่นักพัฒนาจะต้องรับข้อกำหนดทางธุรกิจใหม่สำหรับแอปใน EU จึงจะใช้ความสามารถใหม่ๆ สำหรับการแจกจ่ายแอปหรือประมวลผลการชำระเงินด้วยวิธีทางเลือกได้
ข้อกำหนดทางธุรกิจใหม่สำหรับแอปใน EU เป็นข้อกำหนดที่จำเป็นต้องมีเพื่อให้สอดคล้องกับข้อบังคับของ DMA ว่าด้วยวิธีทางเลือกในการแจกจ่ายแอปและประมวลผลการชำระเงิน ซึ่งรวมไปถึงโครงสร้างค่าธรรมเนียมที่สะท้อนให้เห็นถึงวิธีต่างๆ ที่ Apple ใช้ในการสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจของนักพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นการแจกจ่ายและค้นพบแอปใน App Store, การประมวลผลการชำระเงินที่ปลอดภัยของ App Store, แพลตฟอร์มอุปกรณ์พกพาที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ของ Apple ตลอดจนเครื่องมือและเทคโนโลยีทั้งหมดสำหรับการสร้างและแชร์แอปอันล้ำสมัยกับผู้ใช้ทั่วโลก
นักพัฒนาที่ดำเนินธุรกิจภายใต้ข้อกำหนดทางธุรกิจไม่ว่าชุดใดสามารถใช้วิธีประมวลผลการชำระเงินที่ปลอดภัยของ App Store ต่อไป และเผยแพร่แอปของตนทาง App Store ใน EU ได้ โดยที่ข้อกำหนดทางธุรกิจทั้งสองชุดล้วนสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของ Apple ที่มีมาอย่างยาวนานในการทำให้ระบบนิเวศของแอปเป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับนักพัฒนาทุกราย
นักพัฒนาที่ดำเนินธุรกิจภายใต้ข้อกำหนดทางธุรกิจใหม่จะมีทางเลือกในการแจกจ่ายแอป iOS ของตนจาก App Store และ/หรือจากมาร์เก็ตเพลสแอปทางเลือก และนักพัฒนาเหล่านี้สามารถเลือกใช้ผู้ประมวลผลการชำระเงินทางเลือกในแอป EU ของตนใน App Store กับทุกระบบปฏิบัติการของ Apple ได้เช่นกัน
ข้อกำหนดทางธุรกิจใหม่สำหรับแอป iOS ใน EU มี 3 องค์ประกอบ ดังนี้
- ค่าคอมมิชชั่นลดลง — แอป iOS ใน App Store จะจ่ายค่าคอมมิชชั่นลดลง 10% (สำหรับนักพัฒนาโดยส่วนใหญ่ และการสมัครรับต่างๆ หลังครบปีแรก) หรือลดลง 17% สำหรับการทำรายการค่าสินค้าและบริการดิจิทัล
- ค่าธรรมเนียมการประมวลผลการชำระเงิน — แอป iOS ใน App Store สามารถใช้วิธีประมวลผลการชำระเงินของ App Store โดยการจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่ม 3% และนักพัฒนาสามารถใช้ผู้ให้บริการชำระเงินภายในแอปของตนหรือพาผู้ใช้ไปยังเว็บไซต์ของตัวเองเพื่อประมวลผลการชำระเงินโดยไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่มให้กับ Apple
- ค่าธรรมเนียม Core Technology — แอป iOS ที่แจกจ่ายผ่านทาง App Store และ/หรือมาร์เก็ตเพลสแอปทางเลือกจะจ่ายค่าธรรมเนียมต่อปี €0.50 สำหรับการติดตั้งครั้งแรกในปีนั้นๆ เมื่อมียอดติดตั้งเกิน 1 ล้านครั้ง
สำหรับแอปบน iPadOS, watchOS และ tvOS ใน EU นั้น นักพัฒนาที่ประมวลผลการชำระเงินด้วย PSP หรือลิงก์ผู้ใช้ออกไปยังเว็บไซต์ของตนจะได้รับส่วนลด 3% สำหรับค่าคอมมิชชั่นที่ต้องจ่ายให้ Apple
นอกจากนี้ Apple ยังจัดทำเครื่องมือคำนวณค่าธรรมเนียม และรายงานใหม่ๆ เพื่อช่วยนักพัฒนาประเมินผลกระทบที่อาจเกิดกับธุรกิจแอปของตนอันเป็นผลมาจากข้อกำหนดทางธุรกิจใหม่นี้ นักพัฒนาสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสำหรับแอปใน EU ได้ในหน้าบริการช่วยเหลือสำหรับนักพัฒนา Apple และเริ่มทดสอบความสามารถต่างๆ เหล่านี้ได้แล้ววันนี้ใน iOS 17.4 รุ่นเบต้า
แชร์บทความ
Media
-
เนื้อหาของบทความนี้
-
รูปภาพในบทความนี้