ข่าวประชาสัมพันธ์
13 กันยายน 2566
Apple เผยโฉมผลิตภัณฑ์แรกที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน
กลุ่มผลิตภัณฑ์ Apple Watch ใหม่เป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญของเป้าหมายอันทะเยอทะยานของ Apple ในด้านสภาพภูมิอากาศในปี 2030
คูเปอร์ติโน แคลิฟอร์เนีย วันนี้ Apple ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์แรกที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Apple Watch ใหม่ นวัตกรรมด้านการออกแบบและพลังงานสะอาดทำให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกของ Apple Watch ที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนแต่ละเครื่องลดลงกว่า 75 เปอร์เซ็นต์1 ความสำเร็จนี้ถือเป็นย่างก้าวสำคัญของบริษัทบนเส้นทางสู่เป้าหมาย Apple 2030 อันทะเยอทะยาน ที่จะทำให้ทุกผลิตภัณฑ์มีความเป็นกลางทางคาร์บอนให้ได้ในช่วงปลายทศวรรษ รวมถึงซัพพลายเชนทั้งหมดทั่วโลกและตลอดช่วงอายุการใช้งานของทุกอุปกรณ์ที่ Apple สร้างขึ้นมา
Apple ยังได้ยุติการใช้หนังสัตว์ในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมาย Apple 2030 และความมุ่งมั่นด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัท โดยได้ประกาศเปิดตัวบรรจุภัณฑ์สำหรับ Apple Watch ใหม่ซึ่งทำจากเยื่อไม้ทั้งหมดเป็นครั้งแรก2 และจะขยายการใช้งานวัสดุรีไซเคิลใน iPhone อย่างต่อเนื่อง บริษัทยังได้เปิดตัวเครื่องมือใหม่ในแอปบ้านที่ชื่อว่า "พยากรณ์โครงข่ายไฟฟ้า"3 ซึ่งจะช่วยแจ้งให้ผู้ใช้งานทราบเมื่อมีพลังงานสะอาดที่สามารถใช้งานได้สำหรับโครงข่ายพลังงานของตนเอง เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถตัดสินใจได้ว่าเวลาใดที่ควรใช้ไฟฟ้า
"ที่ Apple เรามีความมุ่งมั่นที่มีมาอย่างยาวนานและได้รับการพิสูจน์แล้วในการเป็นผู้นำการต่อสู้กับความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ความมุ่งมั่นของเราในเรื่องพลังงานหมุนเวียนและดีไซน์คาร์บอนต่ำได้ผลักดันให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลงจนอยู่ในระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมแล้ว และเราก็จะเดินหน้าต่อไปอย่างมุ่งมั่น" Lisa Jackson รองประธานฝ่ายโครงการด้านสิ่งแวดล้อม นโยบาย และกิจกรรมทางสังคมของ Apple กล่าว "เราได้บรรลุเป้าหมายสำคัญในการทำให้นาฬิกาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกมีความเป็นกลางทางคาร์บอน และเราก็จะยังคงสร้างสรรค์นวัตกรรมต่อไปเพื่อให้ทันกับความเร่งด่วนของช่วงเวลานี้"
ทุกผลิตภัณฑ์มีความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2030
Apple ได้ใช้แนวทางอันชัดเจนและเข้มงวดในการขจัดคาร์บอนออกจากผลิตภัณฑ์ซึ่งให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากสามแหล่งที่สำคัญที่สุดตลอดอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์นั่นก็คือ พลังงานไฟฟ้า วัสดุ และการขนส่ง โดยหลังจากตัดลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของผลิตภัณฑ์ลงให้มากที่สุดแล้ว บริษัทจะใช้คาร์บอนเครดิตคุณภาพสูงจากโครงการด้านธรรมชาติเพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ยังคงไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือลดลงได้ด้วยโซลูชั่นที่มีอยู่
Apple Watch รุ่นที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนแต่ละเครื่องได้ทำตามเงื่อนไขที่เข้มงวดอันได้แก่ การใช้พลังงานไฟฟ้าสะอาด 100 เปอร์เซ็นต์ในการผลิตและการใช้งานผลิตภัณฑ์ การใช้วัสดุรีไซเคิลหรือวัสดุหมุนเวียน 30 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนัก และการขนส่งที่ไม่ใช้การขนส่งทางอากาศ 50 เปอร์เซ็นต์4 โดยความพยายามต่างๆ เหล่านี้รวมกันแล้วส่งผลให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกของผลิตภัณฑ์แต่ละรุ่นลดลงอย่างน้อย 75 เปอร์เซ็นต์ บริษัทจะใช้เครดิตคาร์บอนคุณภาพสูงเพื่อจัดการกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เหลือซึ่งมีปริมาณเพียงเล็กน้อย ส่งผลให้ฟุตพรินต์ของผลิตภัณฑ์มีความเป็นกลางทางคาร์บอน โดย Apple Watch ที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนทุกเครื่อง ซึ่งรวมถึงรุ่น Series 9 และ SE เมื่อจับคู่กับสายแบบ Sport Loop ใหม่ และ Apple Watch Ultra 2 เมื่อจับคู่กับสายแบบ Trail Loop หรือ Alpine Loop ใหม่ ได้รับการรับรองโดย SCS Global Services ซึ่งเป็นผู้นำในด้านมาตรฐานและการรับรองด้านสิ่งแวดล้อม
เส้นทางสู่ปี 2030
ผลิตภัณฑ์แรกที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนของ Apple เป็นผลลัพธ์ของการทำงานอย่างจริงจังเป็นเวลาหลายต่อหลายปี รวมถึงนวัตกรรมใหม่ทั่วทั้งบริษัทและซัพพลายเชนของตนเอง ผลิตภัณฑ์นี้ยังเป็นตัวแทนของย่างก้าวล่าสุดบนเส้นทางที่เริ่มต้นมากว่าสิบปีแล้ว
ในปี 2020 Apple ประสบความสำเร็จในการสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอนในการดำเนินงานขององค์กรตนเองทั่วโลก และประกาศยุทธศาสตร์ Apple 2030 ซึ่งเป็นแนวทางอันยิ่งใหญ่ที่จะเป็นกลางทางคาร์บอนทั่วทั้งห่วงโซ่คุณค่าของตนเองให้ได้ภายในปี 2030 โดยแผนของ Apple เน้นไปที่การลดการปล่อยคาร์บอนโดยรวมถึง 75 เปอร์เซ็นต์จากระดับของปี 2015 การหลีกเลี่ยงกิจกรรมซึ่งก่อให้เกิดคาร์บอน การขยายการใช้พลังงานหมุนเวียนในการดำเนินงานทั่วทั้งองค์กรและซัพพลายเชน รวมถึงการออกแบบโดยใช้วัสดุรีไซเคิลและวัสดุหมุนเวียน ทำให้จนถึงตอนนี้ Apple ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้แล้วกว่า 45 เปอร์เซ็นต์มาตั้งแต่ปี 2015 โดยที่ยังคงมีความเติบโตด้านรายได้มากกว่า 65 เปอร์เซ็นต์ในช่วงเวลาเดียวกัน
ขณะที่ Apple ยกระดับความพยายามในการลดคาร์บอนในห่วงโซ่คุณค่าของตนเอง ทุกผลิตภัณฑ์ต่างก็เป็นตัวแทนของโอกาสในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตั้งแต่พลังงานไฟฟ้าที่ใช้ในการผลิตและการชาร์จอุปกรณ์ไปจนถึงการใช้วัสดุและการขนส่ง
การกระตุ้นความก้าวหน้าในด้านพลังงานไฟฟ้าสะอาด
การผลิตทั้งหมดของ Apple Watch รุ่นที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนใช้พลังงานจากพลังงานไฟฟ้าสะอาด 100 เปอร์เซ็นต์ ผ่านการลงทุนและการจัดหาแหล่งทรัพยากรโดย Apple และซัพพลายเออร์ นอกจากนี้ซัพพลายเออร์ทุกรายที่ผลิตชิ้นส่วนและองค์ประกอบต่างๆ สำหรับรุ่นนี้ยังให้คำมั่นที่จะใช้พลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน 100 เปอร์เซ็นต์สำหรับผลิตภัณฑ์ Apple ทั้งหมดภายในช่วงปลายทศวรรษ Apple ยังทำงานร่วมกับพันธมิตรผู้ผลิตทั่วโลกเพื่อสนับสนุนนโยบายที่ส่งเสริมการใช้โซลูชั่นพลังงานสะอาดในวงกว้างอีกด้วย
Apple เริ่มต้นสร้างและลงทุนในโซลาร์ฟาร์มและทุ่งกังหันลมขนาดใหญ่เพื่อให้พลังงานแก่ศูนย์ข้อมูลและสำนักงานของตนเองเมื่อกว่าสิบปีที่แล้ว โดยในปี 2015 บริษัทเริ่มทำงานร่วมกับพันธมิตรผู้ผลิตเพื่อช่วยพวกเขาเหล่านั้นในการสร้างและลงทุนในโครงการพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมของตนเอง และใช้พลังงานหมุนเวียนในการผลิตให้กับ Apple ทั้งหมด นับตั้งแต่ปี 2018 สำนักงานองค์กรทั้งหมดของ Apple ศูนย์ข้อมูล และร้านค้าปลีกทั่วโลกต่างก็ใช้พลังงานจากพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน
ต้องขอบคุณความพยายามร่วมกันเหล่านี้ที่ทำให้ในทุกวันนี้ Apple และซัพพลายเออร์ทั่วโลกมีพลังงานสะอาดมากกว่า 15 กิกะวัตต์ทั่วโลก ซึ่งเพียงพอสำหรับการให้พลังงานแก่บ้านชาวอเมริกันมากกว่า 5 ล้านหลัง โดยในขณะนี้ ซัพพลายเออร์ทั่วโลกมากกว่า 300 รายสำหรับทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ซึ่งคิดเป็น 90 เปอร์เซ็นต์ของซัพพลายเออร์ที่ Apple ใช้ในการผลิตโดยตรง ได้เข้าร่วมกับโครงการพลังงานสะอาดสำหรับซัพพลายเออร์ของ Apple และให้คำมั่นที่จะใช้พลังงานไฟฟ้าสะอาด 100 เปอร์เซ็นต์สำหรับการผลิตให้ Apple ทั้งหมดภายในสิ้นทศวรรษนี้
พลังงานไฟฟ้าในการผลิตและการชาร์จอุปกรณ์เป็นแหล่งพลังงานที่ใหญ่ที่สุดของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของ Apple ในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ เพื่อรับมือกับเรื่องหลังสุด Apple ได้ให้คำมั่นที่จะลงทุนในโครงการพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมทั่วโลก โดยสำหรับ Apple Watch รุ่นที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน บริษัทจะทำให้ได้เทียบเท่ากับ 100 เปอร์เซ็นต์ของการคาดการณ์ในการใช้พลังงานไฟฟ้าเพื่อการชาร์จของลูกค้า
นวัตกรรมสำหรับดีไซน์ที่มีคาร์บอนต่ำ
Apple ได้บุกเบิกการใช้วัสดุรีไซเคิลที่สำคัญหลายอย่างในผลิตภัณฑ์ของตนเอง ด้วยวิศวกรรมผลิตภัณฑ์ระดับโลก คุณสมบัติการออกแบบที่ล้ำหน้า และความเชี่ยวชาญในด้านซัพพลายเชน โดยผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เปิดตัวในวันนี้สร้างขึ้นมาจากความสำเร็จเหล่านี้
เพื่อลดผลกระทบต่อโลกให้มากยิ่งขึ้นไปอีก Apple กำลังจะยุติการใช้หนังสัตว์ในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ รวมถึงอุปกรณ์เสริมสำหรับ iPhone และสาย Apple Watch โดยบริษัทจะแทนที่หนังสัตว์ด้วยสิ่งทอแบบใหม่ที่เรียกว่า FineWoven ซึ่งเป็นผ้าทวิลอันสวยงามและทนทานทำจากวัสดุซึ่งรีไซเคิลมาจากของใช้ในชีวิตประจำวัน 68 เปอร์เซ็นต์ FineWoven มีผิวที่ดูมันวาวเล็กน้อยและให้สัมผัสที่นุ่มนวลคล้ายหนังกลับ เป็นวัสดุที่ใช้กับเคสและกระเป๋าสตางค์ MagSafe สำหรับ iPhone รวมถึงสายแบบ Magnetic Link และ Modern Buckle สำหรับ Apple Watch
เนื่องจากวัสดุรีไซเคิลและวัสดุหมุนเวียนมักจะมีคาร์บอนฟุตพรินต์ต่ำกว่าวัสดุที่นำมาใช้เป็นครั้งแรก ความก้าวหน้าในการใช้ส่วนประกอบรีไซเคิลของ Apple ที่อยู่ในระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมอยู่แล้ว ก็ยิ่งทำให้เป้าหมาย Apple 2030 ของบริษัทมีความคืบหน้ายิ่งขึ้น วัสดุ FineWoven ใหม่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับหนังซึ่งมีปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากกว่า และทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์ iPhone 15 และ Apple Watch ใหม่ก็ทำให้มีความคืบหน้ามากยิ่งขึ้นในการก้าวสู่เป้าหมายของปี 2025 ในการใช้โลหะรีไซเคิล 100 เปอร์เซ็นต์ในองค์ประกอบหลัก ซึ่งรวมถึงแม่เหล็กที่ทำจากแร่โลหะหายากรีไซเคิล 100 เปอร์เซ็นต์ และการใช้โคบอลต์รีไซเคิล 100 เปอร์เซ็นต์เป็นครั้งแรกของบริษัทในแบตเตอรี่ของ iPhone 15, Apple Watch Series 9 และ Apple Watch Ultra 25 นอกจากนี้สายนาฬิกายอดนิยมอย่างสายแบบ Sport Loop ก็ได้รับการออกแบบใหม่ด้วยการใช้เส้นใยรีไซเคิล 82 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งรวมถึงวัสดุที่ทำจากแหอวนที่ไม่ใช้แล้ว ลูกค้าที่ต้องการอัปเกรดไปใช้ Apple Watch รุ่นที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนใหม่ สามารถใช้ประโยชน์จากโครงการ Apple Trade In และ Apple จะนำอุปกรณ์มาประกอบใหม่สำหรับผู้ใช้คนใหม่หรือนำไปรีไซเคิลให้ฟรี
Apple ยังเร่งระดับความก้าวหน้าสู่การใช้บรรจุภัณฑ์ที่ปราศจากพลาสติกภายในปี 2025 นอกเหนือไปจากการประสบความสำเร็จในการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ทำจากเยื่อไม้ 100 เปอร์เซ็นต์เป็นครั้งแรกสำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ Apple Watch และสายนาฬิกา บรรจุภัณฑ์ของ iPhone 15 ทุกรุ่นก็ทำจากเยื่อไม้มากกว่า 99 เปอร์เซ็นต์
ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการขนส่ง
การขนส่งผลิตภัณฑ์ทั่วโลกมีส่วนทำให้เกิดคาร์บอนฟุตพรินต์โดยรวมของ Apple ราว 9 เปอร์เซ็นต์ บริษัทกำลังเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งผลิตภัณฑ์จำนวนมากไปเป็นการขนส่งที่ทำให้เกิดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่าการขนส่งทางอากาศ อย่างเช่นการขนส่งทางเรือหรือทางรถไฟ ระเบียบวิธีวิจัยด้านคาร์บอนฟุตพรินต์ของ Apple แสดงให้เห็นว่า การขนส่งผลิตภัณฑ์เดียวกันทางเรือปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่าการขนส่งทางอากาศถึง 95 เปอร์เซ็นต์
สำหรับ Apple Watch รุ่นที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน ทั้งตัวนาฬิกาและสาย บริษัทจะขนส่งอย่างน้อย 50 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักรวมทั้งหมดของผลิตภัณฑ์โดยไม่ใช้การขนส่งทางอากาศ ซึ่งตัดลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการขนส่งโดยรวมลงได้เกือบครึ่งหนึ่ง นอกจากนี้ บรรจุภัณฑ์ของ Apple Watch รุ่น Series 9 และ SE ทั้งหมดยังได้รับการออกแบบใหม่เพื่อความกะทัดรัด ด้วยรูปทรงที่เพรียวบางและเล็กลง ซึ่งทำให้สามารถขนส่งอุปกรณ์ได้เพิ่มขึ้น 25 เปอร์เซ็นต์ในแต่ละครั้ง
ในขณะเดียวกัน Apple ก็ให้คำมั่นที่จะสนับสนุนความพยายามในวงกว้างในการขจัดก๊าซเรือนกระจกของอุตสาหกรรมขนส่ง อย่างเช่นการเข้าเป็นสมาชิกของ First Movers Coalition และสนับสนุนการวิเคราะห์เพื่อหาหนทางในการพัฒนาเชื้อเพลิงการขนส่งทางอากาศที่มีความยั่งยืน บริษัทยังแสวงหานวัตกรรมด้านเทคนิคใหม่ๆ รวมถึงการใช้เชื้อเพลิงทางเลือกและยานพาหนะไฟฟ้า และเลือกคู่ค้าที่นำเสนอทางเลือกคาร์บอนต่ำเพื่อช่วยผลักดันการขจัดคาร์บอนของอุตสาหกรรมนี้อย่างต่อเนื่อง
การลงทุนในวิธีการคุณภาพสูงในการขจัดคาร์บอน
หลังจากประสบความสำเร็จในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของผลิตภัณฑ์เป็นอย่างมากแล้ว Apple วางแผนที่จะจัดการกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เหลืออยู่ด้วยคาร์บอนเครดิตคุณภาพสูงที่ได้มาจากโครงการเกี่ยวกับธรรมชาติซึ่งช่วยขจัดคาร์บอนจากชั้นบรรยากาศ อย่างเช่นการฟื้นฟูทุ่งหญ้า พื้นที่ชุ่มน้ำ และป่า การขจัดคาร์บอนเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการทำให้เป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศระดับโลกประสบความสำเร็จ อย่างเช่นที่ได้รับการเน้นย้ำจากหน่วยงานด้านวิทยาศาสตร์ชั้นแนวหน้าอย่างคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Intergovernmental Panel on Climate Change) ของสหประชาชาติ
Apple ให้นิยามคาร์บอนเครดิตคุณภาพสูงว่าได้แก่เครดิตจากโครงการซึ่งเกิดขึ้นจริง มีการขยายเพิ่มเติมได้ วัดผลได้ และมีข้อมูลในเชิงตัวเลข ที่มีระบบซึ่งหลีกเลี่ยงการนับจำนวนซ้ำและสามารถมั่นใจได้ในความยั่งยืน โดย Apple ได้ช่วยสร้างความก้าวหน้าให้กับการขจัดคาร์บอนด้วยวิธีทางธรรมชาติซึ่งตรงตามนิยามนี้ด้วยการก่อตั้งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูที่สุดสร้างสรรค์ ซึ่งสนับสนุนโครงการต่างๆ ในทวีปละตินอเมริกาอยู่ในปัจจุบัน และบริษัทก็ใช้เครดิตจากโครงการซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐานระดับนานาชาติอย่างเช่น Verra; Climate, Community & Biodiversity Standard และ Forest Stewardship Council
สำหรับ Apple Watch รุ่นที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน คาร์บอนเครดิตคุณภาพสูงที่ใช้ในการชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่หลงเหลืออยู่ จะมาจากโครงการอย่างเช่นการลงทุนของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูร่วมกับ Arbaro Advisors และ BTG Pactual Timberland Investment Group ซึ่งกำลังช่วยในการฟื้นฟูและปกป้องป่าเพื่อการใช้งานคุณภาพสูงและระบบนิเวศพื้นถิ่นในประเทศปารากวัยและบราซิล
ขอแนะนำ "พยากรณ์โครงข่ายไฟฟ้า"
ในขณะที่ Apple ขจัดคาร์บอนจากห่วงโซ่คุณค่าของตนเอง บริษัทก็ให้คำมั่นเช่นกันว่าจะมีส่วนร่วมกับลูกค้าและสร้างเทคโนโลยีที่จะช่วยให้ลูกค้าเข้าใจและจัดการกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากตนเอง
"พยากรณ์โครงข่ายไฟฟ้า" เป็นเครื่องมือใหม่ในแอปบ้านบนอุปกรณ์ Apple ซึ่งจะแสดงให้เห็นเวลาที่โครงข่ายไฟฟ้าของผู้ใช้งานมีแหล่งพลังงานที่ค่อนข้างสะอาดกว่าหรือสะอาดน้อยกว่าที่พร้อมใช้งาน ตัวอย่างเช่น มีบางครั้งที่โครงการพลังงานลมและพลังงานไฟฟ้าผลิตพลังงานได้มากกว่าที่โครงข่ายสามารถใช้ได้ ทำให้บางส่วนถูกทิ้งไปอย่างเสียเปล่า และก็มีบางครั้งเช่นกันที่มีการสร้างพลังงานไฟฟ้าที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำกว่า การใช้พลังงานไฟฟ้าในช่วงที่มีความสะอาดกว่าเหล่านี้ ลูกค้าก็อาจช่วยลดผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากพลังงานไฟฟ้าที่ตนเองใช้ที่บ้านลงได้
Apple ใช้ข้อมูลซึ่งผสมผสานข้อมูลโครงข่ายไฟฟ้า การปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสภาพอากาศให้กลายเป็นสัญญาณหนึ่งเดียวที่ติดตามได้ง่าย ซึ่งสามารถช่วยให้ผู้คนสามารถตัดสินใจได้เกี่ยวกับช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ และชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ต่างๆ ในระหว่างวัน ในพื้นที่ซึ่งอยู่ติดกับสหรัฐอเมริกา "พยากรณ์โครงข่ายไฟฟ้า" สามารถใช้งานได้ในแอปบ้านบน iPhone, iPad, Mac และ Apple Watch และสามารถเพิ่มเป็นวิดเจ็ตของ iOS หรือกลไกหน้าปัดนาฬิกาได้ด้วย เนื่องจากจะมีข้อมูลเพิ่มเติมที่ใช้งานได้เพิ่มขึ้นผ่านทางการร่วมมือกันระหว่างอุตสาหกรรมต่างๆ Apple จะมีการปรับแต่ง "พยากรณ์โครงข่ายไฟฟ้า" อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างประโยชน์สูงสุด
นอกเหนือไปจากเป้าหมายปี 2030 แล้ว Apple ยังมุ่งหน้าสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2050 ซึ่งต้องการการสนับสนุนสำหรับปฏิบัติการหลายอย่างจากรัฐบาล ธุรกิจ และบุคคลทั่วไป เพื่อเร่งความก้าวหน้าในระดับโลกเพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศของ Apple ในปี 2030 และผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์ Apple สามารถดูได้ที่ apple.com/th/2030
แชร์บทความ
Media
-
เนื้อหาของบทความนี้
-
รูปภาพในบทความนี้
- การลดคาร์บอนคำนวณจากสถานการณ์พื้นฐาน: ไม่มีการใช้พลังงานไฟฟ้าสะอาดสำหรับการผลิตหรือการใช้ผลิตภัณฑ์ นอกเหนือจากที่มีอยู่ในโครงข่ายไฟฟ้า; ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของวัสดุหลักของ Apple ณ ปี 2015; และการผสมผสานรูปแบบของการขนส่งโดยเฉลี่ยของ Apple คิดตามกลุ่มผลิตภัณฑ์ในช่วงเวลาสามปี
- รายละเอียดของบรรจุภัณฑ์สำหรับการจำหน่ายปลีกในสหรัฐอเมริกาตามน้ำหนัก กาว หมึกพิมพ์ และสารเคลือบผิวไม่นำมารวมในการคำนวณวัสดุที่เป็นพลาสติกและน้ำหนักของบรรจุภัณฑ์
- "พยากรณ์โครงข่ายไฟฟ้า" จะพร้อมใช้งานในพื้นที่ซึ่งอยู่ติดกับสหรัฐอเมริกา
- 50 เปอร์เซ็นต์หรือมากกว่าของผลิตภัณฑ์ที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนคิดตามน้ำหนักรวมเป็นการวางแผนเอาไว้ ณ วันที่มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ เพื่อขนส่งโดยใช้รูปแบบการขนส่งที่ไม่ใช่การขนส่งทางอากาศ อย่างเช่นการขนส่งทางเรือ จากโรงงานไปยังจุดหมายถัดไปตลอดช่วงอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์
- ปริมาณโคบอลต์ทั้งหมดที่อ้างถึงคิดตามความสมดุลของการจัดสรรมวลสาร