ข่าวประชาสัมพันธ์
6 มิถุนายน 2566
Apple เปิดตัวชิป M2 Ultra
ประสิทธิภาพของ Mac ก้าวล้ำไปไกลยิ่งกว่าที่เคยด้วย CPU และ GPU ที่เร็วขึ้นของชิป M2 Ultra รวมถึงการรองรับหน่วยความจำแบบรวมที่มากยิ่งขึ้น
คูเปอร์ติโน รัฐแคลิฟอร์เนีย วันนี้ Apple ประกาศเปิดตัวชิป M2 Ultra ซึ่งเป็น System on Chip (SoC) ใหม่ที่ช่วยยกระดับประสิทธิภาพของ Mac ให้สูงยิ่งขึ้นไปอีก และทำให้ชิปในตระกูล M2 ครบสมบูรณ์ ชิป M2 Ultra เป็นชิปที่ใหญ่ที่สุดและมากความสามารถที่สุดเท่าที่ Apple เคยสร้างมา และทำให้ Mac Studio และ Mac Pro ใหม่กลายเป็นเดสก์ท็อป Mac ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยการสร้าง ชิป M2 Ultra นั้นใช้กระบวนการผลิตแบบ 5 นาโนเมตรรุ่นที่ 2 และใช้เทคโนโลยี UltraFusion สุดล้ำของ Apple ในการเชื่อมต่อแผ่นวงจรของชิป M2 Max สองตัวเข้าด้วยกัน จึงมีประสิทธิภาพสูงขึ้น 2 เท่า ชิป M2 Ultra ประกอบด้วยทรานซิสเตอร์ 1.34 แสนล้านตัว หรือมากกว่าชิป M1 Ultra ถึง 2 หมื่นล้านตัว ในขณะที่สถาปัตยกรรมหน่วยความจำแบบรวมของชิปรองรับหน่วยความจำสูงสูด 192GB ซึ่งมากกว่าชิป M1 Ultra ถึง 50% และมาพร้อมแบนด์วิดท์หน่วยความจำ 800GB/s หรือมากกว่าชิป M2 Max สองเท่า นอกจากนี้ชิป M2 Ultra ยังมี CPU ที่ทรงพลังยิ่งขึ้นและเร็วกว่าชิป M1 Ultra ถึง 20% พร้อมด้วย GPU ที่เร็วขึ้นสูงสุด 30% และ Neural Engine ที่เร็วขึ้นสูงสุด 40%1 รวมไปถึงมีเดียเอนจิ้นที่มีความสามารถสูงกว่าชิป M2 Max สองเท่าในด้านการเร่งความเร็ว ProRes ซึ่งเมื่อรวมความล้ำหน้าทั้งหมดนี้เข้าด้วยกัน ทำให้ชิป M2 Ultra สามารถอัดฉีดประสิทธิภาพของ Mac ให้ทะยานไปอีกขั้น
"ชิป M2 Ultra มาพร้อมประสิทธิภาพและความสามารถที่เหนือชั้นสำหรับเวิร์กโฟลว์หนักๆ ของผู้ใช้ระดับโปรโดยที่ยังคงความประหยัดพลังงานระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมในแบบของ Apple Silicon" Johny Srouji รองประธานอาวุโสฝ่ายเทคโนโลยีฮาร์ดแวร์ของ Apple กล่าว "เมื่อรวมประสิทธิภาพของ CPU, GPU และ Neural Engine ที่สูงยิ่งกว่าเดิมมากเข้ากับแบนด์วิดท์หน่วยความจำขนาดมหึมาใน SoC ตัวเดียวแล้วทำให้ M2 Ultra กลายเป็นชิปที่ทรงพลังที่สุดในโลกเท่าที่เคยสร้างมาสำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล"
เทคโนโลยี UltraFusion ระดับชั้นแนวหน้าของอุตสาหกรรม
ชิป M2 Ultra สร้างขึ้นจากการเชื่อมต่อแผ่นวงจรชิป M2 Max สองตัวเข้าด้วยกันโดยอาศัย UltraFusion ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการบรรจุชิปแบบเฉพาะระดับชั้นแนวหน้าของอุตสาหกรรมที่ Apple พัฒนาขึ้นเอง โดย UltraFusion ใช้ซิลิคอนอินเตอร์โพเซอร์ที่เชื่อมต่อแผ่นวงจรชิปผ่านสัญญาณมากกว่า 10,000 จุด ทำให้มีแบนด์วิดท์ความหน่วงต่ำระหว่างโปรเซสเซอร์สูงถึง 2.5TB/s
สถาปัตยกรรมของ UltraFusion ทำให้ซอฟต์แวร์มองเห็น M2 Ultra เป็นชิปเดียว จึงไม่จำเป็นต้องมีการเขียนโค้ดใหม่เพื่อใช้ประโยชน์จากประสิทธิภาพที่แรงสุดขีดของชิป M2 Ultra และทำให้ UltraFusion กลายเป็นเทคโนโลยีที่โดดเด่นเหนือใครในวงการนี้
ประสิทธิภาพและการประหยัดพลังงานที่ยากจะหาใครเทียบ
CPU แบบ 24-core ของชิป M2 Ultra ประกอบด้วยคอร์ประสิทธิภาพสูงเจเนอเรชั่นถัดไป 16 คอร์ และคอร์ประหยัดพลังงานสูงเจเนอเรชั่นถัดไป 8 คอร์ ทำให้มีประสิทธิภาพเร็วกว่าชิป M1 Ultra สูงสุด 20% ดังนั้นเมื่อผู้ใช้ปรับแก้สีใน DaVinci Resolve บน Mac Studio ที่มาพร้อมชิป M2 Ultra จึงเห็นผลลัพธ์จากการประมวลผลวิดีโอได้เร็วขึ้นสูงสุด 50% เมื่อเทียบกับ Mac Studio พร้อมชิป M1 Ultra2
ผู้ใช้สามารถปรับแต่ง GPU ให้มีคอร์เจเนอเรชั่นถัดไปสูงถึง 60 หรือ 76 คอร์ ซึ่งเมื่อเทียบกับ GPU ที่ทรงพลังสุดๆ ของชิป M1 Ultra แล้ว ชิป M2 Ultra มีจำนวนคอร์มากขึ้นสูงสุด 12 คอร์ และมีประสิทธิภาพที่ดียิ่งกว่าเดิมสูงสุด 30% ทำให้การเรนเดอร์เอฟเฟ็กต์ 3D ด้วย Octane บน Mac Studio ที่มาพร้อมชิป M2 Ultra เร็วขึ้นสูงสุด 3 เท่า เมื่อเทียบกับ Mac Studio พร้อมชิป M1 Ultra2
สถาปัตยกรรมหน่วยความจำแบบรวมระดับพลิกวงการ
สถาปัตยกรรมหน่วยความจำแบบรวมของ Apple คือเครื่องยืนยันถึงความเยี่ยมยอดของ Apple silicon ไม่ว่าจะเป็นแบนด์วิดท์ที่สูงเหลือเชื่อ ความหน่วงที่ต่ำ และการประหยัดพลังงานที่ไม่มีใครเทียบได้ โดยชิป M2 Ultra มาพร้อมแบนด์วิดท์หน่วยความจำระบบ 800GB/s ซึ่งสูงกว่าใน PC เครื่องไหนๆ มาก และยังสามารถปรับแต่งหน่วยความจำแบบรวมให้มีขนาดมหึมาถึง 192GB เพื่อทำงานกับเวิร์กโฟลว์ในระดับที่ PC ทำไม่ได้ ตัวอย่างเช่น ชิป M2 Ultra สามารถฝึกเวิร์กโหลดด้านการเรียนรู้ของระบบขนาดใหญ่ยักษ์ได้ในเครื่องเดียว ซึ่งแม้แต่ GPU แบบแยกที่ทรงพลังที่สุดยังประมวลผลไม่ได้เลยด้วยซ้ำ3
เทคโนโลยีแบบเฉพาะอันล้ำสมัยอัดฉีดพลังแรงให้การเรียนรู้ของระบบ วิดีโอ และอีกมากมาย
ชิป M2 Ultra นำเทคโนโลยีแบบเฉพาะล่าสุดของ Apple มาผนวกรวมเข้าด้วยกันในชิปเพื่อประสิทธิภาพและการประหยัดพลังงานสูงสุด
- ชิป M2 Ultra มี Neural Engine แบบ 32 คอร์ ที่ประมวลผลได้ถึง 31.6 ล้านล้านรายการต่อวินาที หรือเร็วกว่าชิป M1 Ultra ถึง 40%
- มีเดียเอนจิ้นที่ทรงพลังมีความสามารถสูงกว่าชิป M2 Max ถึง 2 เท่า ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วในการประมวลผลวิดีโอไปอีกขั้น และมีฮาร์ดแวร์สำหรับเข้ารหัสและถอดรหัส H.264, HEVC และ ProRes โดยเฉพาะ ทำให้ชิป M2 Ultra สามารถเล่นวิดีโอ ProRes 422 ระดับ 8K ได้สูงสุด 22 สตรีม ซึ่งมากกว่าที่ชิป PC ไหนๆ จะทำได้
- เอนจิ้นการแสดงผลรองรับ Pro Display XDR สูงสุด 6 จอ ซึ่งมีจำนวนพิกเซลรวมกันมากกว่า 100 ล้านพิกเซล
- Secure Enclave ล่าสุด รวมถึงระบบการบูทที่ปลอดภัยซึ่งยืนยันด้วยฮาร์ดแวร์ และเทคโนโลยีป้องกันการเจาะช่องโหว่ขณะรันไทม์ ทำให้ M2 Ultra มีระบบความปลอดภัยที่ดีที่สุดในชิประดับเดียวกัน
ดีต่อสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น
ประสิทธิภาพที่ยังคงประหยัดพลังงานของชิป M2 Ultra ช่วยปลดล็อคความเป็นไปได้ใหม่ๆ แม้แต่กับผู้ใช้ระดับโปรที่ต้องการพลังการประมวลผลขั้นสุดโดยที่ยังคงไม่ละเลยความรับผิดชอบที่มีต่อสิ่งแวดล้อม วันนี้การดำเนินงานของบริษัท Apple ทั่วโลกมีความเป็นกลางทางคาร์บอน และภายในปี 2030 เราวางแผนที่จะลดผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศให้เป็นศูนย์ในทุกภาคส่วนของธุรกิจ ซึ่งรวมถึงซัพพลายเชนการผลิตและวงจรชีวิตของสินค้าทั้งหมด และนั่นยังหมายความว่าชิปทุกตัวที่ Apple สร้างขึ้นจะมีความเป็นกลางทางคาร์บอน 100% ด้วยตั้งแต่ขั้นตอนของการออกแบบจนถึงการผลิต
การเปลี่ยนมาใช้ Apple Silicon ใน Mac วันนี้ครบสมบูรณ์แล้ว
เมื่อมีชิป M2 Ultra เป็นขุมพลังขับเคลื่อน Mac Pro ใหม่ ทำให้วันนี้การเปลี่ยนมาใช้ Apple Silicon ใน Mac นั้นครบสมบูรณ์ ถือเป็นการปฏิวัติประสบการณ์การใช้งานทั้งสำหรับแล็ปท็อปและเดสก์ท็อป พร้อมกับเริ่มต้นยุคใหม่สำหรับ Mac โดยมี Apple Silicon ที่สร้างนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องเป็นตัวจุดประกาย
แชร์บทความ
Media
-
เนื้อหาของบทความนี้
-
รูปภาพในบทความนี้
- ผลลัพธ์เป็นการเปรียบเทียบกับระบบของ Mac Studio รุ่นก่อนหน้าที่มีชิป Apple M1 Ultra, CPU แบบ 20-core, GPU แบบ 64-core และ RAM ขนาด 64GB
- ผลลัพธ์เป็นการเปรียบเทียบกับระบบของ Mac Studio รุ่นก่อนหน้าที่มีชิป Apple M1 Ultra, CPU แบบ 20-core, GPU แบบ 64-core, RAM ขนาด 128GB และ SSD ความจุ 8TB
- Apple ทำการทดสอบในเดือนเมษายน 2023 โดยใช้ระบบของ Mac Studio รุ่นก่อนการผลิตจริงที่มีชิป Apple M2 Ultra, GPU แบบ 76-core และ RAM ขนาด 192GB รวมถึงระบบของ PC ที่มีกราฟิก NVIDIA RTX A6000 พร้อม GDDR6 ขนาด 48GB, การวัดประสิทธิภาพใช้โมเดล Transformer หลายโมเดลที่เปิดให้บุคคลทั่วไปใช้งานได้ การทดสอบประสิทธิภาพดำเนินการโดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์เฉพาะ และแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพอย่างคร่าวๆ ของ Mac Studio