ข่าวประชาสัมพันธ์
16 พฤษภาคม 2566
Apple แนะนำคุณสมบัติใหม่สำหรับการช่วยการเข้าถึงด้านการรับรู้ พร้อมด้วย Live Speech, Personal Voice และ Point and Speak ในแอปแว่นขยาย
คุณสมบัติการช่วยการเข้าถึงสำหรับการรับรู้ การพูด และการมองเห็นจะเปิดตัวในปลายปีนี้
คูเปอร์ติโน แคลิฟอร์เนีย วันนี้ Apple เผยโฉมคุณสมบัติของซอฟต์แวร์สำหรับการช่วยการเข้าถึงด้านการรับรู้ การมองเห็น การได้ยิน และการเคลื่อนไหว พร้อมกับเครื่องมือที่เป็นนวัตกรรมใหม่สำหรับผู้ที่พูดไม่ได้ หรือเสี่ยงที่จะสูญเสียความสามารถในการพูดของตนเอง การอัปเดตใหม่ๆ เหล่านี้สร้างขึ้นจากความก้าวหน้าทั้งทางด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ รวมถึงการเรียนรู้ของระบบบนอุปกรณ์ เพื่อให้มั่นใจถึงความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ และเป็นการขยายขอบเขตของคำมั่นสัญญาที่มีมาอย่างยาวนานของ Apple ในการสร้างผลิตภัณฑ์สำหรับทุกคน
Apple ทำงานอย่างใกล้ชิดกับกลุ่มชุมชนซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ใช้ซึ่งมีความพิการหลากหลายประเภท เพื่อพัฒนาคุณสมบัติการช่วยการเข้าถึงที่ช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ให้แก่ชีวิตของผู้คน โดยภายในปลายปีนี้ ผู้ใช้ซึ่งพิการทางการรับรู้จะสามารถใช้ iPhone และ iPad อย่างง่ายดายและเป็นอิสระมากขึ้นด้วย Assistive Access ผู้ที่พูดไม่ได้จะสามารถพิมพ์เพื่อพูดได้ในระหว่างการโทรศัพท์และการสนทนาด้วย Live Speech และผู้ซึ่งมีความเสี่ยงจะสูญเสียความสามารถในการพูดสามารถใช้ Personal Voice เพื่อสร้างเสียงสังเคราะห์ที่ฟังเหมือนเสียงตัวเองสำหรับติดต่อกับครอบครัวและเพื่อนๆ สำหรับผู้ใช้ซึ่งตาบอดหรือสายตาเลือนราง โหมดการตรวจจับในแอปแว่นขยายจะเพิ่มเติม Point and Speak ซึ่งจะระบุข้อความซึ่งผู้ใช้ชี้ไปและอ่านออกเสียงให้ได้ยิน เพื่อช่วยพวกเขาในการโต้ตอบกับสิ่งของต่างๆ อย่างเช่นเครื่องใช้ภายในบ้าน
"ที่ Apple เราเชื่อเสมอว่า เทคโนโลยีที่ดีที่สุดคือเทคโนโลยีซึ่งสร้างขึ้นมาสำหรับทุกคน" Tim Cook ซีอีโอของ Apple กล่าว "วันนี้เราจึงตื่นเต้นมากที่จะได้แชร์คุณสมบัติใหม่ซึ่งสร้างขึ้นจากประวัติอันยาวนานของเราในการสร้างเทคโนโลยีเพื่อการช่วยการเข้าถึง เพื่อที่ทุกคนจะได้มีโอกาสในการสร้างสรรค์ การสื่อสาร และทำในสิ่งที่ตนเองรัก"
"การช่วยการเข้าถึงเป็นส่วนหนึ่งของทุกสิ่งที่เราทำที่ Apple" Sarah Herrlinger ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่าย Global Accessibility Policy and Initiatives ของ Apple กล่าว "คุณสมบัติอันแสนล้ำหน้าเหล่านี้ออกแบบมาจากข้อคิดเห็นของสมาชิกกลุ่มผู้พิการในทุกขั้นตอนของการทำงาน เพื่อรองรับกลุ่มผู้ใช้ที่หลากหลาย และช่วยผู้คนในการติดต่อกันด้วยวิธีการใหม่ๆ"
Assistive Access ช่วยเหลือผู้ใช้ซึ่งพิการทางด้านการรับรู้
Assistive Access ใช้นวัตกรรมในด้านการออกแบบเพื่อกลั่นกรองแอปและประสบการณ์ในการใช้คุณสมบัติที่จำเป็นของตนเองเพื่อลดภาระด้านการรับรู้ โดยคุณสมบัตินี้สะท้อนให้เห็นถึงความคิดเห็นจากผู้ที่พิการด้านการรับรู้และผู้ช่วยเหลือที่พวกเขาไว้วางใจ โดยเน้นไปที่กิจกรรมซึ่งพวกเขาชื่นชอบ และถือเป็นพื้นฐานของ iPhone และ iPad นั่นก็คือการติดต่อกับผู้คนอันเป็นที่รัก การถ่ายภาพและรื่นรมย์ไปกับภาพถ่าย และการฟังเพลง
Assistive Access เพิ่มประสบการณ์ที่ปรับแต่งได้สำหรับโทรศัพท์และ FaceTime ซึ่งผสมผสานกันเป็นแอปการโทรเพียงหนึ่งเดียว รวมถึงแอปข้อความ, กล้อง, รูปภาพ และเพลง คุณสมบัตินี้มอบอินเทอร์เฟซอันแตกต่างด้วยปุ่มแบบคอนทราสต์สูงและป้ายตัวอักษรขนาดใหญ่ รวมถึงเครื่องมือซึ่งจะช่วยให้ผู้ช่วยเหลือที่ได้รับความไว้วางใจปรับแต่งประสบการณ์สำหรับผู้ที่ตนเองให้การช่วยเหลืออยู่ ตัวอย่างเช่น สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการสื่อสารด้วยภาพ แอปข้อความจะมีคียบอร์ดแบบอิโมจิอย่างเดียว และตัวเลือกในการบันทึกข้อความวิดีโอ เพื่อแชร์กับผู้ซึ่งเป็นที่รัก นอกจากนี้ผู้ใช้และผู้ช่วยเหลือที่ได้รับความไว้วางใจยังสามารถเลือกได้ระหว่างเลย์เอาท์แบบกริดที่เห็นได้ชัดเจนมากขึ้นสำหรับหน้าจอโฮมและแอปของตนเอง หรือเลย์เอาท์แบบแถวสำหรับผู้ใช้งานซึ่งชื่นชอบข้อความมากกว่า
"ชุมชนผู้พิการซึ่งพัฒนาแล้วและอุดมด้วยสติปัญญาต่างก็กระหายที่จะได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ แต่บ่อยครั้งที่เทคโนโลยีได้ทำให้เกิดปราการขวางกั้นทางด้านร่างกาย การมองเห็น หรือความรู้สำหรับบุคคลเหล่านั้น" Katy Schmid ผู้อำนวยการอาวุโสแห่ง National Program Initiatives ขององค์กร The Arc of the United States กล่าว "การมีคุณสมบัติที่มอบประสบการณ์การเข้าถึงด้านการรับรู้บน iPhone หรือ iPad เป็นการเปิดประตูสู่การศึกษา การจ้างงาน ความปลอดภัย และอิสรภาพในการดูแลตัวเองที่มากขึ้น ซึ่งหมายความถึงโลกที่กว้างขึ้น และความเป็นไปได้ที่เพิ่มมากขึ้น"
Live Speech และ Personal Voice การช่วยการเข้าถึงด้านการพูดอันล้ำหน้า
ด้วย Live Speech บน iPhone, iPad และ Mac ทำให้ผู้ใช้สามารถพิมพ์สิ่งที่ตนเองต้องการพูดเพื่อให้พูดออกเสียงได้ในระหว่างการโทรศัพท์หรือโทร FaceTime รวมถึงการสนทนาแบบต่อหน้า ผู้ใช้ยังสามารถบันทึกวลีที่ใช้กันบ่อยที่สุดเพื่อพูดสอดแทรกขึ้นมาอย่างรวดเร็วในระหว่างการสนทนากับครอบครัว เพื่อนๆ และเพื่อนร่วมงานได้ โดย Live Speech ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับผู้คนนับล้านทั่วโลกซึ่งพูดไม่ได้ หรือผู้ที่สูญเสียความสามารถในการพูดไปตามกาลเวลา
สำหรับผู้ใช้ซึ่งเสี่ยงที่จะสูญเสียความสามารถในการพูด อย่างเช่นผู้ที่เพิ่งได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรค ALS (Amyotrophic Lateral Sclerosis) หรือโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือโรคอื่นๆ ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อความสามารถในการพูดเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ คุณสมบัติ Personal Voice จะเป็นหนทางง่ายๆ และปลอดภัยในการสร้างเสียงที่เหมือนเสียงของตัวเอง
ผู้ใช้สามารถสร้าง Personal Voice ด้วยการอ่านชุดข้อความที่จะปรากฎขึ้นแบบสุ่มเพื่อบันทึกเสียงยาว 15 นาทีบน iPhone หรือ iPad คุณสมบัติการช่วยการเข้าถึงด้านการพูดนี้จะใช้การเรียนรู้ของระบบบนอุปกรณ์เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลให้แก่ผู้ใช้ และผสานกับ Live Speech ได้อย่างกลมกลืนเพื่อให้ผู้ใช้สามารถพูดได้ด้วย Personal Voice ของตนเองในขณะที่สื่อสารกับบุคคลอันเป็นที่รัก1
"ในท้ายที่สุด สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความสามารถที่จะสื่อสารกับเพื่อนๆ และครอบครัว" Philip Green สมาชิกคณะกรรมการและนักกิจกรรมด้านโรค ALS จากองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร Team Gleason กล่าว เขาเคยพบกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้านเสียงของตัวเอง หลังจากที่ได้รับวินิจฉัยว่าเป็นโรค ALS เมื่อปี 2018 "หากคุณสามารถบอกรักพวกเขาได้ด้วยเสียงที่เหมือนกับเสียงของตัวเอง นั่นคือสิ่งที่สร้างความแตกต่างให้กับโลกใบนี้อย่างยิ่ง และการสามารถสร้างเสียงสังเคราะห์ของตัวเองได้บน iPhone ของคุณได้ในเวลาเพียงแค่ 15 นาทีก็เป็นสิ่งที่พิเศษสุด"
โหมดการตรวจจับในแอปแว่นขยายแนะนำ Point and Speak สำหรับผู้ใช้ซึ่งตาบอดหรือมีสายตาเลือนราง
Point and Speak ในแอปแว่นขยายทำให้ผู้ใช้ซึ่งพิการทางการมองเห็นโต้ตอบกับสิ่งของต่างๆ ที่มีป้ายข้อความหลายๆ อันได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างเช่น ในระหว่างการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอย่างเช่นไมโครเวฟ Point and Speak จะผสานข้อมูลจากแอปกล้อง สแกนเนอร์ LiDAR และการเรียนรู้ของระบบบนอุปกรณ์ในการอ่านข้อความบนแต่ละปุ่ม ขณะที่ผู้ใช้เลื่อนนิ้วของตัวเองไปตามแต่ละปุ่มกด2 โดย Point and Speak ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาให้รวมอยู่ในแอปแว่นขยายบน iPhone และ iPad ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมร่วมกับ VoiceOver และสามารถใช้ได้กับคุณสมบัติแว่นขยายอื่นๆ อย่างเช่น การตรวจหาผู้คน การตรวจจับประตู และคำอธิบายภาพ เพื่อช่วยผู้ใช้ในการเคลื่อนที่ไปในสภาพแวดล้อมของโลกจริงๆ
อีกหลายคุณสมบัติที่น่าสนใจ
- ผู้ใช้ที่หูหนวกหรือหูตึงสามารถจับคู่ อุปกรณ์ช่วยฟัง Made for iPhone ได้โดยตรงกับ Mac และปรับแต่งเพื่อความสบายในการรับฟังได้3
- การสั่งการด้วยเสียง เพิ่มคำแนะนำในการออกเสียงสำหรับการแก้ไขข้อความ เพื่อให้ผู้ใช้ซึ่งพิมพ์ด้วยเสียงของตนเองสามารถเลือกคำที่ถูกต้องจากคำที่อาจฟังคล้ายๆ กัน อย่างเช่น “do”, “due” และ “dew”4 นอกจากนี้ ด้วย คู่มือการสั่งการด้วยเสียง ผู้ใช้ยังสามารถเรียนรู้เคล็ดลับเกี่ยวกับการใช้คำสั่งเสียงเพื่อเป็นทางเลือกนอกเหนือจากการสัมผัสและการพิมพ์ทั้งบน iPhone, iPad และ Mac
- ผู้ใช้ที่พิการด้านร่างกายและการเคลื่อนไหวซึ่งใช้ การควบคุมสวิตช์ สามารถเปลี่ยนสวิตช์อันใดก็ได้ให้เป็นตัวควบคุมการเล่นเกมแบบเสมือนจริง เพื่อเล่นเกมโปรดของตัวเองบน iPhone และ iPad
- สำหรับผู้ใช้ซึ่งมีสายตาเลือนราง ในตอนนี้ สามารถปรับ ขนาดข้อความ ได้ง่ายขึ้นบนทุกแอปของ Mac อย่างเช่น Finder, ข้อความ, เมล, ปฏิทิน และโน้ต
- ส่วนผู้ใช้ซึ่งอ่อนไหวต่อภาพเคลื่อนไหวเร็วๆ สามารถหยุดภาพที่มีองค์ประกอบการเคลื่อนไหวอย่างเช่น GIF ในแอปข้อความหรือซาฟารีได้ชั่วคราวโดยอัตโนมัติ
- สำหรับผู้ใช้ VoiceOver เสียงของ Siri จะฟังเป็นธรรมชาติและชัดเจนแม้ในการพูดตอบกลับด้วยความเร็วสูง และผู้ใช้ยังสามารถปรับแต่งอัตราการพูดของ Siri ได้โดยมีตัวเลือกตั้งแต่ 0.8x ถึง 2x
ร่วมฉลองวัน Global Accessibility Awareness ทั่วโลก
เพื่อร่วมฉลองวัน Global Accessibility Awareness ในสัปดาห์นี้ Apple ขอแนะนำคุณสมบัติใหม่ คอลเลกชั่นที่เลือกสรรมาแล้ว และอื่นๆ
- SignTime จะเปิดตัวในเยอรมนี อิตาลี สเปน และเกาหลีใต้ในวันที่ 18 พฤษภาคมเพื่อเชื่อมต่อลูกค้าของ Apple Store และบริการช่วยเหลือของ Apple กับล่ามภาษามือได้ตามต้องการ บริการนี้พร้อมให้บริการแล้วสำหรับลูกค้าในสหรัฐฯ แคนาดา สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น5
- Apple Store ทั่วโลกบางสาขาจะนำเสนอเซสชั่นการให้ข้อมูลตลอดทั้งสัปดาห์เพื่อช่วยลูกค้าในการทำความรู้จักกับคุณสมบัติการช่วยการเข้าถึงต่างๆ และ Apple Carnegie Library จะนำเสนอเซสชั่น Today at Apple โดยนักแสดงและล่ามภาษามือ Justina Miles และด้วย การสำรองที่นั่งแบบกลุ่ม ซึ่งพร้อมให้บริการตลอดทั้งปี จะทำให้ร้าน Apple Store กลายเป็นที่ซึ่งกลุ่มต่างๆ ของชุมชนสามารถมาเรียนรู้เกี่ยวกับคุณสมบัติการช่วยการเข้าถึงร่วมกันได้
- ทางลัด เพิ่ม Remember This ซึ่งช่วยผู้ใช้ที่พิการด้านการรับรู้สร้างไดอารี่ภาพในแอปโน้ตเพื่อการอ้างอิงและการครุ่นคิดได้อย่างง่ายดาย
- สัปดาห์นี้ Apple Podcasts จะนำเสนอคอลเลกชั่นรายการเกี่ยวกับผลกระทบของเทคโนโลยีการช่วยการเข้าถึง แอป Apple TV จะนำเสนอภาพยนตร์และซีรีส์ที่คัดสรรโดยนักเล่าเรื่องชื่อดังจากชุมชนผู้พิการ และ Apple Music จะเสนอมิวสิกวิดีโอภาษามืออเมริกัน (ASL) ในแบบ Cross-genre
- App Store จะนำเสนอเรื่องเด่นเกี่ยวกับผู้นำของชุมชนผู้พิการ 3 คน อันได้แก่ Aloysius Gan, Jordyn Zimmerman และ Bradley Heaven ซึ่งแต่ละคนจะมาแชร์ประสบการณ์ของตนเองในฐานะบุคคลที่พูดไม่ได้ และผลกระทบที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากการแอปที่ใช้การสื่อสารทางเลือกและการสื่อสารแทนคำพูด (AAC) ที่มีต่อชีวิตของตนเอง
แชร์บทความ
Media
-
เนื้อหาของบทความนี้
-
รูปภาพในบทความนี้
- Personal Voice สามารถสร้างได้โดยใช้ iPhone, iPad, และ Mac ที่มี Apple silicon และจะพร้อมให้บริการเป็นภาษาอังกฤษ
- Point and Speak จะสามารถใช้งานได้บนอุปกรณ์ iPhone และ iPad ที่มีสแกนเนอร์ LiDAR ในภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมัน สเปน โปรตุเกส จีน กวางตุ้ง เกาหลี ญี่ปุ่น และยูเครน
- ผู้ใช้จะสามารถจับคู่อุปกรณ์ช่วยฟัง Made for iPhone กับอุปกรณ์ Mac บางรุ่นที่มีชิป M1 และอุปกรณ์ Mac ทุกรุ่นที่มีชิป M2
- คำแนะนำการออกเสียงในการสั่งการด้วยเสียงจะมีให้บริการในภาษาอังกฤษ สเปน ฝรั่งเศส และเยอรมัน
- เซสชั่น SignTime มีให้บริการในสหรัฐฯ และแคนาดาในภาษามืออเมริกัน (ASL) ในสหราชอาณาจักรในภาษามืออังกฤษ (BSL) ในฝรั่งเศสในภาษามือฝรั่งเศส (LSF) ในญี่ปุ่นในภาษามือญี่ปุ่น (JSL) และในออสเตรเลียในภาษามือออสลาน (Auslan) ในวันที่ 18 พฤษภาคม SignTime จะเริ่มให้บริการในเยอรมนีในภาษามือเยอรมัน (DGS) ในอิตาลีในภาษามืออิตาลี (LIS) ในสเปนในภาษามือสเปน (LSE) และในเกาหลีใต้ในภาษามือเกาหลี (KSL)