เปิดในหน้าต่างใหม่
อัพเดท 11 เมษายน 2566

Apple ขยายกองทุนเพื่อการฟื้นฟูสุดสร้างสรรค์เพื่อการขจัดคาร์บอน

กองทุนใหม่พร้อมกับบริษัทบริหารสินทรัพย์เพื่อสภาพภูมิอากาศเพิ่มอีกหนึ่งตัวเลือก เพื่อให้มั่นใจในการชดเชยการขจัดคาร์บอนที่ปรับขยายได้ ด้วยวิธีการทางธรรมชาติซึ่งให้ประสิทธิภาพสูง
ภาพพาโนรามาของถนนที่ตัดผ่านใจกลางโครงการของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูในประเทศปารากวัย
Apple จะขยายกองทุนเพื่อการฟื้นฟูสุดสร้างสรรค์เพื่อการขจัดคาร์บอนโดยใช้วิธีทางธรรมชาติ ด้วยเงินทุนเพิ่มเติมและการลงทุนใหม่สูงถึง 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จาก Apple ภาพโดย Arbaro Advisors
วันนี้ Apple ประกาศการขยายขอบเขตครั้งสำคัญของกองทุนเพื่อการฟื้นฟู (Restore Fund) ของตัวเอง ซึ่งเป็นการเพิ่มการลงทุนอีกเท่าตัวเพื่อยกระดับโครงการขจัดคาร์บอนด้วยวิธีทางธรรมชาติคุณภาพสูงให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น กองทุนเพื่อการฟื้นฟู ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี 2021 ร่วมกับองค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติระหว่างประเทศ (Conservation International) และ Goldman Sachs ด้วยเงินทุนสูงถึง 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในตอนนี้กองทุนตั้งเป้าที่จะเติบโตเพิ่มขึ้นด้วยเงินทุนเพิ่มเติม รวมถึงการลงทุนใหม่จาก Apple และพอร์ตโฟลิโอใหม่ของโครงการขจัดคาร์บอน โดย Apple ได้สร้างกองทุนเพื่อการฟื้นฟูเพื่อสนับสนุนการลงทุนระดับโลกในการปกป้องและฟื้นฟูระบบนิเวศที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด และขยายโซลูชั่นในการขจัดคาร์บอนด้วยวิธีทางธรรมชาติ แนวทางนี้ยังช่วยเน้นให้เห็นด้วยว่า การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคธุรกิจยังไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือลดลงได้ทั้งหมดด้วยเทคโนโลยีที่มีอยู่
ส่วนหนึ่งของการขยายตัวนี้ Apple จะลงทุนเพิ่มเติมสูงถึง 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในกองทุนใหม่ ซึ่งจะจัดการโดยบริษัทบริหารสินทรัพย์เพื่อสภาพภูมิอากาศ (Climate Asset Management) อันเป็นกิจการร่วมค้าระหว่างบริษัทบริหารสินทรัพย์ HSBC และ Pollination โดยพอร์ตโฟลิโอใหม่นี้ยังตั้งเป้าที่จะขจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้ได้สูงสุดปีละ 1 ล้านเมตริกตัน พร้อมกับการสร้างผลตอบแทนทางการเงินให้แก่นักลงทุน ซึ่งสำหรับซัพพลายเออร์ของ Apple ที่กลายมาเป็นพันธมิตรในกองทุนนี้ นี่ยังเป็นหนทางใหม่สำหรับพวกเขาในการผสานรวมโครงการขจัดคาร์บอนประสิทธิภาพสูงกับการขจัดคาร์บอนของตัวเองอีกด้วย
"กองทุนเพื่อการฟื้นฟูเป็นแนวทางการลงทุนที่สร้างสรรค์ ซึ่งสร้างประโยชน์อันแท้จริงที่ไม่อาจประมาณได้ให้แก่โลกของเราไปพร้อมกับการสร้างผลตอบแทนทางด้านการเงิน" Lisa Jackson รองประธานฝ่ายโครงการด้านสิ่งแวดล้อม นโยบาย และกิจกรรมทางสังคมของ Apple กล่าว "หนทางสู่เศรษฐกิจที่เป็นกลางทางคาร์บอนจำต้องมีการขจัดคาร์บอนอย่างจริงจัง ควบคู่ไปกับการขจัดคาร์บอนด้วยความรับผิดชอบ และโครงการสร้างสรรค์เช่นนี้สามารถช่วยเร่งความก้าวหน้าให้รวดเร็วขึ้นได้"
Apple และบริษัทบริหารสินทรัพย์เพื่อสภาพภูมิอากาศกำลังใช้แนวทางที่กว้างขึ้นกับโครงการในอนาคต ด้วยการรวมการลงทุนที่แตกต่างกันสองประเภทไว้ด้วยกัน นั่นก็คือโครงการเกษตรกรรมที่ใช้วิธีธรรมชาติซึ่งสร้างรายได้จากการเพาะปลูกอย่างยั่งยืน และโครงการที่อนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด อันจะช่วยขจัดและเก็บรักษาคาร์บอนจากชั้นบรรยากาศ โครงสร้างที่ผสานรวมกันในแบบที่ไม่เหมือนใครเช่นนี้ มุ่งที่จะสร้างผลประโยชน์ทั้งทางด้านการเงินและสภาพภูมิอากาศให้แก่นักลงทุน ในขณะที่ทำให้โมเดลใหม่ในการขจัดคาร์บอนก้าวหน้ายิ่งขึ้น ซึ่งจะแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนยิ่งขึ้นถึงแนวโน้มระดับโลกสำหรับโซลูชั่นที่เน้นวิธีทางธรรมชาติ โดยการลงทุนทั้งหมดของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูปฏิบัติตามมาตรฐานทางด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวด
หลังจากมีความเป็นการทางคาร์บอนในการดำเนินงานขององค์กรแล้ว เมื่อปีที่แล้ว Apple ได้เรียกร้องให้ซัพพลายเออร์ของตนเองสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอนทั่วทั้งกระบวนการซึ่งเกี่ยวข้องกับ Apple ให้ได้ภายในปี 2030 รวมถึงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของพวกเขา ทั้งโดยตรงและที่เกี่ยวเนื่องกับการใช้ไฟฟ้า หรือที่เรียกกันว่าขอบเขตที่ 1 และขอบเขตที่ 2 การขจัดคาร์บอนคุณภาพสูงจะช่วยให้เป้าหมายนี้ประสบความสำเร็จ ด้วยการชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยตรงที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือลดลงได้ โดยในขั้นแรกซัพพลายเออร์จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วยการเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียน ปรับปรุงประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยตรง ซึ่งเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา Apple ได้ประกาศรายชื่อพันธมิตรผู้ผลิตมากกว่า 250 ราย ที่มุ่งมั่นในการใช้พลังงานหมุนเวียนในการผลิตผลิตภัณฑ์ Apple ให้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2030
การลงทุนเริ่มต้นสามโครงการซึ่งตั้งอยู่ในประเทศบราซิลและปารากวัยของ Apple ร่วมกับองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและ Goldman Sachs ตั้งเป้าที่จะฟื้นฟูป่าไม้ซึ่งมีการใช้งานที่ได้รับการรับรองด้านความยั่งยืนจำนวน 150,000 เอเคอร์ และปกป้องป่าท้องถิ่น ทุ่งหญ้า และพื้นที่ชุ่มน้ำเพิ่มเติมอีก 100,000 เอเคอร์ ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วคาดการณ์ว่าโครงการเหล่านี้จะขจัดคาร์บอนไดออกไซด์จากชั้นบรรยากาศได้ 1 ล้านเมตริกตันต่อปีภายในปี 2025 ซึ่งการขจัดคาร์บอนถือเป็นการจัดการที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และเพื่อบรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศในระดับโลก ดังเช่นที่ได้รับการเน้นย้ำจากองค์กรวิทยาศาสตร์ชั้นแนวหน้าอย่างเช่น IPCC
เพื่อการติดตามและวัดผลผลกระทบของโครงการของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูได้อย่างแม่นยำ Apple ได้ใช้เทคโนโลยีการรับรู้จากระยะไกลแบบทันสมัย ทั้ง Space Intelligence’s Carbon and Habitat Mapper, แพลตฟอร์ม Upstream Tech’s Lens และภาพถ่ายดาวเทียมความละเอียดสูงจาก Maxar เพื่อสร้างแผนที่คาร์บอนของแหล่งที่อยู่อาศัยและป่าไม้ในพื้นที่ของโครงการ แผนที่พร้อมรายละเอียดเหล่านี้จะช่วยสร้างความมั่นใจได้ว่า โครงการเหล่านี้จะตรงตามมาตรฐานที่ตั้งไว้สูงของเราก่อนการลงทุน และจะนับจำนวนพร้อมตรวจสอบผลกระทบในการขจัดคาร์บอนของโครงการได้ตามเวลาที่ผ่านไป และ Apple ยังศึกษาเพิ่มเติมในด้านการใช้แสกนเนอร์ LiDAR บน iPhone เพื่อเสริมสมรรถนะการติดตามบนภาคพื้นดินอีกด้วย 
กองทุนเพื่อการฟื้นฟูเป็นส่วนหนึ่งของแผนการโดยละเอียดของบริษัทในการเป็นกลางทางคาร์บอนทั่วทั้งห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงวงจรชีวิตการใช้งานของทุกผลิตภัณฑ์ให้ได้ภายในปี 2030 โดย Apple จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 75 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2030 และสร้างความสมดุลให้แก่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เหลือด้วยวิธีการขจัดคาร์บอนคุณภาพสูง
แชร์บทความ

Media

  • เนื้อหาของบทความนี้

  • รูปภาพในบทความนี้

รายชื่อติดต่อสำหรับสื่อมวลชน

ช่องทางให้ความช่วยเหลือของ Apple สำหรับสื่อมวลชน

media.thailand@apple.com