ข่าวประชาสัมพันธ์
13 กันยายน 2565
"Ted Lasso" ซีรีส์ยอดฮิตระดับโลกของ Apple ได้เป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์คอมเมดี้ที่เป็นที่ชื่นชอบมากที่สุดในประวัติศาสตร์ การันตีด้วยการชนะรางวัล Emmy ในสาขาซีรีส์คอมเมดี้ยอดเยี่ยมต่อเนื่องกันเป็นปีที่สองในงาน Primetime Emmy Awards ครั้งที่ 74
"Ted Lasso" ได้เป็นซีรีส์คอมเมดี้ที่ได้รับรางวัล Emmy Awards มากที่สุดอีกครั้งหนึ่ง
Apple TV+ ได้รับรางวัล Emmy รวมทั้งหมดเก้ารางวัล โดยสี่รางวัลนั้นเป็นของ "Ted Lasso" อีกทั้งยังได้รับการเชิดชูผลงานเรื่อง "Carpool Karaoke: The Series" "Severance" "Schmigadoon!" และ "Home Before Dark"
Apple TV+ ได้รับรางวัล Emmy รวมทั้งหมดเก้ารางวัล โดยสี่รางวัลนั้นเป็นของ "Ted Lasso" อีกทั้งยังได้รับการเชิดชูผลงานเรื่อง "Carpool Karaoke: The Series" "Severance" "Schmigadoon!" และ "Home Before Dark"
คัลเวอร์ซิตี้, แคลิฟอร์เนีย ค่ำคืนนี้ในงาน Primetime Emmy Awards ครั้งที่ 74 "Ted Lasso" ซีรีส์ยอดฮิตจาก Apple TV+ ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของตำนานซีรีส์คอมเมดี้ โดยคว้ารางวัลในสาขาซีรีส์คอมเมดี้ยอดเยี่ยมสำหรับซีซั่นหนึ่งและซีซั่นสอง นับว่าเป็นซีรีส์ที่แปดในหมวดนี้ที่ประสบความสำเร็จถึงขั้นนี้ในประวัติศาสตร์ของ Emmy ตลอด 74 ปี ซีซั่นที่สองของ "Ted Lasso" ยังเป็นซีรีส์คอมเมดี้ที่ชนะรางวัล Emmy มากที่สุดเป็นปีที่สองติดต่อกัน โดยคว้ารางวัลทั้งหมดรวมสี่รางวัล รวมถึงรางวัล Emmy Awards สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในซีรีส์คอมเมดี้ (Jason Sudeikis), นักแสดงสมทบยอดเยี่ยมในซีรีส์คอมเมดี้ (Brett Goldstein), และผู้กำกับซีรีส์คอมเมดี้ยอดเยี่ยม (MJ Delaney)
"Ted Lasso" จาก Apple ได้เป็นหนึ่งในซีรีส์คอมเมดี้เจ็ดเรื่องในประวัติศาสตร์ที่ชนะรางวัลซีรีส์คอมเมดี้ยอดเยี่ยมในสองปีแรก ซี่งรวมถึง "Modern Family" "30 Rock" "Frasier" "The Golden Girls" "Cheers" "All in the Family" และ "The Phil Silvers Show"
"เรารู้สึกขอบคุณและเป็นเกียรติที่ "Ted Lasso" ได้รับรางวัลในสาขาคอมเมดี้ยอดเยี่ยม และผู้ชมทั่วโลกที่ชื่นชอบรายการและตัวละครเหล่านี้มากพอๆ กับเรา" Zack Van Amburg หัวหน้าฝ่าย Worldwide Video ของ Apple กล่าว "นับว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับพวกเราทุกคนที่ Apple เพราะเราได้ร่วมงานกับนักแสดงมากฝีมือและทีมสร้างสรรค์ที่ร่วมกันรังสรรค์ซีรีส์ที่ทั้งอบอุ่นหัวใจ ตลก และสวยงามออกมาให้ได้ชมกัน เราขอบคุณ Television Academy เป็นอย่างยิ่งที่ให้ความสำคัญกับซีรีส์เรื่องนี้และขอบคุณทุกคนที่เชื่อมั่นในตัวเรา"
"นับว่าเป็นเรื่องน่าทึ่งมากที่ได้เห็น Ted Lasso เป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์คอมเมดี้ในตำนานที่ชนะรางวัลคอมเมดี้ยอดเยี่ยมในสองซีซั่นแรก" Jamie Erlicht หัวหน้าทีม Worldwide Video ของ Apple กล่าว "เราขอแสดงความยินดีกับนักแสดงและทีมงานทุกคนอย่างยิ่ง รวมถึง Jason, Brett และ MJ ที่ได้รับรางวัล Emmy Awards รายบุคคลด้วย เราขอขอบคุณ Television Academy และทีมอันน่าทึ่งของเราที่ร่วมกันทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพื่อที่จะผลิตผลงานซีรีส์แสนพิเศษเรื่องนี้ให้ผู้ชมทั่วโลกได้ชม"
Apple TV+ ได้รับรางวัล Emmy Awards รวมทั้งหมดเก้ารางวัลในปีนี้ รวมถึงรางวัล Creative Arts Emmy Awards สำหรับรายการ "Carpool Karaoke: The Series" โดยได้รับเกียรติสูงสุดในสาขาคอมเมดี้สั้นยอดเยี่ยมผ่านชัยชนะติดต่อกันเป็นครั้งที่ห้า นอกจากนี้ซีรีส์ดราม่าคุณภาพคับแก้วอย่าง "Severance" ก็เปิดตัวในงาน Emmy ด้วยการคว้ารางวัลสองรายการในสาขาการประพันธ์ดนตรียอดเยี่ยมสำหรับซีรีส์และการออกแบบกราฟิกเปิดตัวหลักยอดเยี่ยม ส่วน "Schmigadoon!" ซีรีส์ของ Apple ที่ได้รับเสียงตอบรับอย่างดี โดยชนะรางวัลเพลงประกอบและเนื้อร้องยอดเยี่ยม ส่วนซีรีส์ลึกลับและดราม่าอย่าง "Home Before Dark" ก็ได้รับการประกาศรางวัลขวัญใจคณะกรรมการในสาขาการโมชั่นดีไซน์ยอดเยี่ยม
นอกจากซีซั่นที่สองของ "Ted Lasso" จะได้รับรางวัลแล้ว ซีซั่นแรกของซีรีส์ยังสร้างประวัติศาสตร์ใน Primetime Emmy Awards ครั้งที่ 73 ด้วยการเป็นซีรีส์คอมเมดี้น้องใหม่ที่ได้รับการเสนอชิงรางวัลมากที่สุดในประวัติศาสตร์ อีกทั้งยังคว้ารางวัลรวมทั้งหมดเจ็ดสาขาซึ่งรวมถึง ซีรีส์คอมเมดี้ยอดเยี่ยม, นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในซีรีส์คอมเมดี้ (Jason Sudeikis), นักแสดงสมทบยอดเยี่ยมในซีรีส์คอมเมดี้ (Brett Goldstein), นักแสดงสมทบหญิงในซีรีส์คอมเมดี้ (Hannah Waddingham), การมิกซ์เสียงซีรีส์คอมเมดี้หรือดราม่ายอดเยี่ยม (Half-Hour), การตัดต่อยอดเยี่ยมกล้องเดี่ยวสำหรับซีรีส์คอมเมดี้ (Single-Camera Picture Editing) และการคัดเลือกนักแสดงยอดเยี่ยมสำหรับซีรีส์คอมเมดี้
ในตอนนี้ซีรีส์ ภาพยนตร์ และสารคดี Apple Original ได้ชนะรางวัล 275 รางวัลและเข้าชิงรางวัล 1,152 รายการ รวมถึงการชนะรางวัล Oscars ครั้งประวัติศาสตร์ของ "CODA" ที่คว้าชัยชนะในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ทำให้ Apple เป็นสตรีมเมอร์รายแรกที่ได้รับรางวัลในสาขานั้น
ในปี 2022 Apple ได้รับรางวัล Primetime Emmy Awards เก้ารายการในสาขาต่อไปนี้:
"Ted Lasso"
- ซีรีส์คอมเมดี้ยอดเยี่ยม
- นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในซีรีส์คอมเมดี้: Jason Sudeikis
- นักแสดงสมทบยอดเยี่ยมในซีรีส์คอมเมดี้: Brett Goldstein
- การกำกับการแสดงยอดเยี่ยมสำหรับซีรีส์คอมเมดี้: MJ Delaney
"Severance"
- การออกแบบกราฟิกเปิดตัวหลักยอดเยี่ยม
- การประพันธ์ดนตรียอดเยี่ยมสำหรับซีรีส์ (ดนตรีประกอบแนวดราม่า)
"Carpool Karaoke: The Series"
- ซีรีส์คอมเมดี้ ดราม่า หรือวาไรตี้ขนาดสั้นยอดเยี่ยม
"Schmigadoon!"
- เพลงและเนื้อร้องประกอบรายการยอดเยี่ยม
"Home Before Dark"
- โมชั่นดีไซน์ยอดเยี่ยม
"Carpool Karaoke: The Series"
Carpool Karaoke: The Series" แต่ละตอนมีดาราดังที่นั่งรถไปด้วยกัน ร้องเพลงตามเพลย์ลิสต์ส่วนตัว และชวนกันออกผจญภัย ซีซั่น 5 เปิดตัวด้วย Simu Liu และ Jessica Henwick; Murray Bartlett นักแสดงหลักจาก "The White Lotus", Alexandra Daddario และ Sydney Sweeney; Anitta และ Saweetie; Zooey Deschanel และ Jonathan Scott ที่มาเจอกันครั้งแรกที่ "Carpool Karaoke" เหล่าตัวท็อปของ All Elite Wrestling ตลอดจนครอบครัว D’Amelio
"Carpool Karaoke: The Series" เป็นรายการที่ CBS Studios และ Fulwell 73 Productions ผลิตให้กับ Apple และมี James Corden, Eric Pankowski และ Ben Winston เป็นผู้อำนวยการสร้าง เคยคว้ารางวัล Emmy มาแล้วทั้ง 4 ซีซั่นที่ผ่านมา รวมถึง Producers Guild Awards และ Critics Choice Award
"Home Before Dark"
"Home Before Dark" คือซีรีส์ดราม่าลึกลับที่ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องเล่าของ Hilde Lysiak นักข่าวสืบสวนอายุน้อย ซีรีส์ที่กำกับและอำนวยการผลิตโดย Jon M. Chu เรื่องนี้จะติดตามหญิงสาวนามว่า Hilde (แสดงโดย Brooklynn Prince) ที่ย้ายจากเมืองบรู๊คลินมายังเมืองริมทะเลสาบเล็กๆ ที่พ่อของเธอจากมา ขณะที่อาศัยอยู่ที่นั่น ความพากเพียรในการค้นหาความจริงได้นำเธอไปพบกับคดีที่ทุกคนในเมืองรวมถึงพ่อของเธอเองต้องการจะเก็บงำไว้
ซีรีส์นี้อำนวยการผลิตโดยโชว์รันเนอร์ Dana Fox, Jon M. Chu, Joy Gorman Wettels, Howard Deutch, Dara Resnik, Russel Friend, Garrett Lerner และ Sharlene Martin และร่วมผลิตโดย Dana Fox และ Dara Resnik นักแสดงรวมถึง: Brooklynn Prince, Jim Sturgess, Abby Miller, Kylie Rogers, Aziza Scott, Michael Weston, Joelle Carter, Jibrail Nantambu, Deric McCabe และ Rio Mangini
"Schmigadoon!"
"Schmigadoon!" ที่ล้อเลียนละครเพลงชื่อดัง เป็นซีรีส์คอมเมดี้แนวละครเพลงเรื่องใหม่รับบทโดย Cecily Strong ที่เข้าชิง Emmy Award และ Keegan-Michael Key ซึ่งได้รับรางวัล Emmy Award โดยทั้งคู่ต้องคอยประคับประคองความสัมพันธ์ตลอดทริปแบ็คแพ็คระหว่างที่ค้นพบเมืองมหัศจรรย์ที่ซึ่งทุกคนอาศัยอยู่ในสตูดิโอละครเพลงจากยุค 1940 และพบว่าพวกเขาไม่สามารถออกจากดินแดนแห่งนี้จนกว่าจะได้เจอกับ "รักที่แท้จริง"
ซีรีส์เป็นส่วนหนึ่งของ Broadway Video และ Universal Television ซึ่งเป็นแผนกหนึ่งของ Universal Studio Group ส่วน "Schmigadoon!" ร่วมสร้างโดย Cinco Paul และ Ken Daurio ซึ่ง Paul รับหน้าที่เป็นผู้ควบคุมการถ่ายทำและแต่งเพลงประกอบซีรีส์ทั้งหมด Robert Luketic เป็นผู้กำกับและผู้อำนวยการผลิต ขณะเดียวกันก็ได้ Lorne Michaels และ Andrew Singer มารับหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้าง, Micah Frank เป็นผู้อำนวยการสร้างร่วม และยังได้ Cecily Strong และ Caroline Maroney มาช่วยควบคุมการสร้างอีกด้วย
"Severance"
ซีรีส์เรื่อง "Severance" มี Mark Scout (Adam Scott) เป็นหัวหน้าทีมที่ Lumon Industries ซึ่งพนักงานต้องเข้ารับการผ่าตัดแยกสมองที่จะแบ่งความทรงจำออกจากกันระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัว การทดสอบสุดท้าทายในเรื่อง "ความสมดุลของการทำงานและชีวิตส่วนตัว" สร้างความแคลงใจให้แก่ Mark ที่พบว่าตนเองเป็นศูนย์กลางแห่งปริศนาที่กำลังจะคลี่คลายและทำให้เขาต้องเผชิญกับข้อเท็จจริงเกี่ยวกับงานและชีวิตของตนเอง
"Severance" เขียนบทและสร้างโดย Dan Erickson โดยมี Mark Friedman, Chris Black, John Cameron และ Andrew Colville เป็นผู้อำนวยการสร้างเคียงคู่กับ Erickson อีกทั้งยังได้ Ben Stiller, Nicky Weinstock และ Jackie Cohn มาอำนวยการสร้างผ่าน Red Hour Productions และได้ทั้ง Patricia Arquette และ Adam Scott รับหน้าที่เป็นผู้ควบคุมการสร้าง โดยมี Endeavor Content ช่วยดูแลในฐานะสตูดิโอ
"Ted Lasso"
Jason Sudeikis รับบทเป็น Ted Lasso โค้ชอเมริกันฟุตบอลที่เข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีมฟุตบอลอังกฤษ ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน ถึงจะไม่มีความรู้ด้านนี้ แต่สิ่งที่เขามีให้แบบเต็มๆ ก็คือการมองโลกในแง่ดี ความใจสู้แบบทีมรอง และ... บิสกิต แล้วยังมี Hannah Waddingham, Brendan Hunt, Jeremy Swift, Juno Temple, Brett Goldstein, Phil Dunster และ Nick Mohammed มาร่วมแสดงในซีรีส์ที่ได้รับคำชมมากมายเรื่องนี้ด้วย
นอกจาก Sudeikis จะนำแสดงในเรื่องนี้แล้ว เขายังเป็นผู้อำนวยการสร้างคู่กับ Bill Lawrence ผ่าน Doozer Productions ของตนเอง ร่วมกับ Warner Bros. Television และ Universal Television ซึ่งเป็นแผนกหนึ่งของ Universal Studio Group นอกจากนี้ยังมี Jeff Ingold จาก Doozer เป็นผู้อำนวยการสร้าง โดยมี Liza Katzer เป็นผู้อำนวยการสร้างร่วม ซีรีส์เรื่องนี้เป็นผลงานของ Sudeikis, Lawrence, Brendan Hunt และ Joe Kelly โดยอ้างอิงจากรูปแบบและตัวละครที่มีอยู่เดิมจาก NBC Sports
แชร์บทความ
Media
-
เนื้อหาของบทความนี้