เปิดในหน้าต่างใหม่
Sahai ตีลูกเทนนิสด้วยท่าแบ็กแฮนด์ขณะอยู่ในสนามเทนนิส
Swupnil Sahai ชื่นชอบกีฬาเทนนิสและเทคโนโลยีมายาวนาน จนทำให้ได้ร่วมก่อตั้ง SwingVision ซึ่งเป็นแอปที่ช่วยติดตามสมรรถนะการเล่นเทนนิส และมีเฉพาะบน App Store
นักพัฒนา 26 พฤษภาคม 2565
แม้ Swupnil Sahai ไม่เคยก้าวเหยียบคอร์ตดินอันศักดิ์สิทธิ์แห่งเฟรนช์โอเพนหรือคอร์ตหญ้าแห่งวิมเบิลดัน แต่ชีวิตที่ผ่านมาของเขาล้วนมีแต่เทนนิส ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาหลงใหลตั้งแต่วัยเด็ก
ประธานบริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง SwingVision ซึ่งเป็นแอปที่ช่วยติดตามสมรรถนะการเล่นเทนนิสที่มีเฉพาะบน App Store เติบโตในแถบเบย์แอเรียและใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในคอร์ตเทนนิส พ่อของเขาเป็นผู้จุดประกายความสนใจในช่วงต้นจน Sahai ได้ร่วมทีมเทนนิสในช่วงมัธยมปลาย และกีฬาชนิดนี้ก็ยังช่วยคลายเครียดให้เขาระหว่างเรียนที่ University of California, Berkeley อีกด้วย
ระหว่างทำงานเป็นวิศวกรให้กับทีมที่ใช้ระบบติดตามวัตถุ 3D เพื่อช่วยปรับปรุงการขับขี่อัตโนมัติ Sahai ซึ่งเคยได้รับทุน WWDC ถึง 2 ครั้ง ก็นึกได้ว่าเทคนิคและหลักการเดียวกันน่าจะช่วยพัฒนาสมรรถนะการเล่นเทนนิสได้ด้วยเช่นกัน เสียดายที่ว่าเครื่องมือสำหรับติดตามและวิเคราะห์การเล่นซึ่งมีอยู่ในตลาดขณะนั้นมีราคาแพง ยุ่งยาก และมักหาไม่ได้ง่ายนัก 
"ช่วงนั้นมีบริษัทเพียงไม่กี่แห่งที่ผลิตเซ็นเซอร์ซึ่งสามารถติดเข้ากับไม้เทนนิสเพื่อใช้ติดตามข้อมูลบางส่วน" Sahai อธิบาย "และถ้าเป็นเรื่องการใช้กล้อง ที่ใกล้เคียงที่สุดก็คงเป็นระบบที่ใช้กล้อง 10 ตัวแบบนี้ ซึ่งใช้ในสโมสรเทนนิสระดับพรีเมียมบางแห่ง แต่ราคาอยู่ที่ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อสนาม"
เมื่อครั้งที่ Apple Watch เปิดตัวในเดือนเมษายน 2015 ทำให้ Sahai มองเห็นโอกาสในการนำระบบอัจฉริยะมาไว้บนข้อมือของผู้ใช้ และถือเป็นไอเดียเริ่มต้นที่ต่อยอดจนกลายเป็น SwingVision ในที่สุด
"ผมฉุกคิดขึ้นมาได้ในทันที ว่า 'ถ้าหากมีคอมพิวเตอร์อยู่บนข้อมือ ผมก็สามารถวิเคราะห์ท่าทางและการตีลูกได้'" เขากล่าวและมองไปที่โน้ตแรกสุดซึ่งจดไว้บน iPhone ของเขา 
หลังจากหัดเรียนเขียนโค้ดด้วยตนเองโดยใช้ภาษาการเขียนโปรแกรม Swift ของ Apple จากนั้น Sahai ก็ขอความช่วยเหลือจาก Richard Hsu ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมห้องสมัยมหาวิทยาลัยและมีความสนใจในเทนนิสเช่นเดียวกัน จากที่เริ่มต้นในฐานะโปรเจ็กต์นอกเวลาซึ่งเปิดตัวเป็นแอป Apple Watch ในปี 2016 ภายใต้ชื่อ Swing จนตอนนี้ได้กลายเป็นงานประจำที่ต้องใช้ทีมซึ่งเติบโตขึ้นจนมีพนักงานถึง 12 คน
จากนั้น Sahai และ Hsu ก็เปิดตัว SwingVision อย่างเป็นทางการบน App Store ในเดือนพฤศจิกายน 2019 โดยใช้ประโยชน์จากขุมพลังแห่ง Neural Engine ของ Apple ใน iPhone, iPad และ Apple Watch ซึ่งผสานเข้ากับมันสมองของที่ปรึกษาและนักลงทุนอย่าง Andy Roddick และ James Blake "สิ่งดังกล่าวสร้างความแตกต่างอย่างมาก สิ่งที่ทำให้กลายเป็นความจริงขึ้นมาได้ก็คือ การประมวลผลด้วยการเรียนรู้ของระบบ" เขากล่าว 
ล่าสุดยังมีการเปิดตัวฟังก์ชั่นใหม่บนแอปที่ช่วยให้นักเทนนิสสามารถโต้แย้งกรณีลูกออกนอกเส้นได้จากข้อมือของตนเองโดยใช้ Apple Watch "ถือเป็นการก้าวข้ามข้อจำกัดของมนุษย์ก็ว่าได้ เพราะช่วยให้คุณตรวจสอบการล้ำเส้นได้แม่นยำยิ่งขึ้นกว่าการมองด้วยตา" Sahai กล่าว "ทุกอย่างที่เราทำได้ในแง่ของการประมวลผลวิดีโอแบบเรียลไทม์ เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกในทันที ทำให้ผู้ใช้สามารถโต้แย้งการกำกับเส้นได้ขณะอยู่บนสนาม จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากปราศจาก Neural Engine"
รูปภาพเหนือหัวที่แสดงให้เห็น Swupnil Sahai กำลังทำงานบนโต๊ะที่มี MacBook Pro และมี iPhone วางไว้ด้านข้าง
Sahai หัดเรียนเขียนโค้ดด้วยตนเองโดยใช้ภาษาการเขียนโปรแกรม Swift ของ Apple จากนั้นก็ร่วมมือกับ Richard Hsu ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมห้องสมัยมหาวิทยาลัย เพื่อเริ่มโปรเจ็กต์ที่กลายเป็น SwingVision ในที่สุด
ข้อแตกต่างที่สำคัญอีกเรื่องก็คือ App Store ซึ่งช่วยทอดแสงไปยัง SwingVision ในฐานะแอปประจำวันเมื่อปี 2021 และนำพาแอปไปสู่ลูกค้าหลายล้านคนในแทบจะทันที 
"App Store ช่วยนำเสนอแอปที่มีความเกี่ยวข้องกับลูกค้าได้อย่างดี และยังเป็นเวทีนำเสนอแอปขนาดเล็ก โดยไม่ได้จำกัดเฉพาะแอปขนาดใหญ่เท่านั้น" Sahai อธิบาย "การได้รับตำแหน่งแอปประจำวันถือเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่สำหรับเรา ไม่ใช่เพียงช่วยสร้างยอดดาวน์โหลดในวันดังกล่าวเท่านั้น แต่ยังเปรียบเสมือนเป็นป้ายรับรองที่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในการพูดคุยกับผู้ที่สนใจต่อเนื่องหลังจากนั้นอีกหลายเดือน ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า นักลงทุน และพนักงาน"
"App Store มอบแพลตฟอร์มให้กับทีมขนาดเล็กและแม้แต่บุคคลทั่วไป ให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอันนับไม่ถ้วนโดยไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณทางการตลาดจำนวนมหาศาล" เขากล่าวต่อ "โดยเฉพาะเรื่องราวของนักพัฒนาและแอปที่แนะนำอยู่บนแถบวันนี้ช่วยส่งผลอย่างมาก เพราะบอกเล่าเรื่องที่ช่วยในการสร้างแบรนด์เอาไว้อย่างละเอียด ซึ่งเป็นเรื่องยากสำหรับทีมต่างๆ ที่จะทำได้สำเร็จ"
วันนี้ SwingVision มีผู้ใช้กว่า 10,000 รายต่อเดือน และยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีคุณสมบัติอีกมากมายในอนาคตอันเป็นผลจาก ARKit ซึ่งเป็นเฟรมเวิร์กการพัฒนาเทคโนโลยีความจริงเสริมของ Apple สำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่อย่าง iOS และ iPadOS โดย Sahai คาดว่าจะสามารถใช้ ARKit เพื่อใส่กราฟิกลงบนสนาม ซึ่งเขาบอกว่านี่เป็นโอกาสที่น่าสนใจในการใส่คุณสมบัติการสตรีมสดที่บริษัทกำลังพัฒนารวมไว้ในแอป
เขาจินตนาการถึงอนาคตที่การแข่งขันเทนนิสทุกเกมมีการสตรีมสดเป็นมาตรฐาน พ่อแม่ที่เคยพลาดการแข่งขันนัดสำคัญของลูกก็สามารถชมการแข่งขันจากทางไกลที่ใดก็ได้ เพียงแค่จัดวาง iPhone หรือ iPad ที่ใช้งาน SwingVision ให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม อุปกรณ์สามารถส่งฟีดวิดีโอได้ในแทบจะทันทีโดยใช้แบตเตอรี่ไม่มากและไม่กระทบกับคุณภาพ
สำหรับโค้ชและผู้เล่น ประโยชน์หลักที่ได้จาก SwingVision ก็คือ ความสามารถในการรับชมซ้ำและวิเคราะห์การแข่งขันที่บันทึกไว้ในแอปบนอุปกรณ์เครื่องโปรดได้ทันทีหลังจบเกม โดย Sahai ยังบอกด้วยว่า ปัจจุบัน SwingVision ได้รับการตอบรับเพิ่มขึ้นในกลุ่มมหาวิทยาลัย ซึ่งมีทีมในดิวิชัน 1 ที่ใช้แอปแล้วถึงกว่า 30 ทีม และยังมีอีกหลายทีมที่คาดว่าจะเริ่มใช้ในช่วงฤดูร้อนนี้
แอปดังกล่าวยังเริ่มได้รับความสนใจจากผู้เล่นมืออาชีพบางกลุ่มที่ต้องการหาหนทางไต่อันดับให้สูงขึ้น หรือที่ Sahai อธิบายว่า "ผู้เล่นที่ไม่ติด 200 อันดับแรก ซึ่งไม่มีโอกาสเซ็นสัญญามูลค่านับล้านดอลลาร์สหรัฐหรือไม่มีโค้ชที่คอยเดินทางประกบผู้เล่นไปได้ตลอดเวลา" 
"บรรดามือโปรมักได้รับข้อมูลเหล่านี้ในการแข่งขันที่ตนเองแข่งในสนามกีฬาอยู่แล้ว" เขากล่าวเสริม "แม้คุณจะเป็นผู้เล่นมืออาชีพอย่าง Serena Williams แต่ส่วนใหญ่คุณก็ใช้เวลาเล่นเทนนิสอยู่ในสนามฝึกซ้อมอยู่ดี"
ทีม SwingVision ยังกำลังพัฒนาคุณสมบัติการฝึกสอนจากระยะไกลเพิ่มเติมไว้ในแอปด้วย ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสใหม่ทำให้ไม่โดนจำกัดด้วยเรื่องสถานที่อยู่อีกต่อไป โดยเฉพาะบรรดาผู้เล่นที่อาศัยอยู่ในประเทศซึ่งขาดโค้ชอันดับต้นๆ อยู่ในละแวกใกล้เคียง
"คุณสมบัติข้อนี้จะทำให้การพัฒนาทักษะการเล่นเทนนิสเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น" Sahai กล่าวและมองไปถึงอนาคตของกีฬาชนิดนี้ "ซึ่งถือเป็นปัญหาที่ผู้คนรับรู้มาโดยตลอด กับความคิดที่ว่าคุณจะเป็นต้องมีเงินมากจึงจะเล่นเทนนิสได้ ผมเชื่อว่าเราจะสามารถทลายกำแพงดังกล่าวลงได้"
รูปภาพเหนือหัวที่แสดงให้เห็น Swupnil Sahai กำลังถือไม้เทนนิสในมือ และอยู่ระหว่างง้างมือเสิร์ฟลูกในสนามเทนนิส
Sahai และทีม SwingVision กำลังพัฒนาคุณสมบัติต่างๆ เพิ่มเติมในแอป เช่น การฝึกสอนจากระยะไกล ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสใหม่ทำให้ไม่โดนจำกัดด้วยเรื่องสถานที่อยู่อีกต่อไป
แชร์บทความ

Media

  • เนื้อหาของบทความนี้

  • รูปภาพในบทความนี้

รายชื่อติดต่อสำหรับสื่อมวลชน

ช่องทางให้ความช่วยเหลือของ Apple สำหรับสื่อมวลชน

media.thailand@apple.com