เปิดในหน้าต่างใหม่
ข่าวประชาสัมพันธ์ 17 พฤษภาคม 2564

Apple Music เปิดตัวระบบเสียงตามตำแหน่งพร้อม Dolby Atmos และจะทำให้เพลงทั้งหมดในแค็ตตาล็อกมีในเสียงแบบ Lossless

สมาชิก Apple Music เตรียมพบกับระบบเสียงเจเนอเรชั่นถัดไปในเดือนมิถุนายน 2021 โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
Apple Music บน iPhone 12
สมาชิก Apple Music เตรียมพบกับระบบเสียงตามตำแหน่งพร้อม Dolby Atmos และเสียงแบบ Lossless ในเดือนมิถุนายน 2021
คูเปอร์ติโน รัฐแคลิฟอร์เนีย วันนี้ Apple ประกาศเปิดตัวคุณภาพเสียงระดับชั้นแนวหน้าของวงการสำหรับสมาชิก Apple Music โดยการเพิ่มระบบเสียงตามตำแหน่งหรือ Spatial Audio พร้อมการรองรับ Dolby Atmos ซึ่งระบบเสียงตามตำแหน่งนั้นจะเปิดโอกาสให้ศิลปินได้สร้างสรรค์ประสบการณ์ด้านเสียงที่เต็มอิ่มสมจริงสำหรับแฟนเพลงด้วยเสียงแบบหลายมิติที่ชัดเจนทุกรายละเอียด นอกจากนี้สมาชิก Apple Music ยังสามารถฟังเพลงกว่า 75 ล้านเพลงในเสียงแบบ Lossless อย่างที่ศิลปินตั้งใจสร้างสรรค์ในห้องบันทึกเสียง โดยที่สมาชิก Apple Music จะได้พบกับคุณสมบัติใหม่ๆ เหล่านี้ตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไปโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
"Apple Music กำลังยกระดับคุณภาพเสียงครั้งใหญ่ที่สุดอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน" Oliver Schusser ซึ่งเป็นรองประธานฝ่าย Apple Music และ Beats ของ Apple กล่าว "การฟังเพลงในแบบ Dolby Atmos นั้นเรียกได้ว่ามหัศจรรย์จริงๆ เพราะเสียงดนตรีจะโอบล้อมคุณจากทุกทิศทางจนคุณจะต้องทึ่ง และวันนี้เราก็เตรียมนำประสบการณ์ที่เต็มอิ่มสมจริงนี้มาให้ผู้ฟังของเราได้สัมผัสด้วยเพลงจากศิลปินคนโปรดอย่าง J Balvin, Gustavo Dudamel, Ariana Grande, Maroon 5, Kacey Musgraves, The Weeknd และอีกมากมาย ยิ่งกว่านั้นสมาชิกยังจะได้ฟังเพลงในคุณภาพเสียงระดับสูงสุดด้วยเสียงแบบ Lossless อีกด้วย บอกเลยว่า Apple Music กำลังจะเปลี่ยนไปตลอดกาล"

ระบบเสียงตามตำแหน่งพร้อมการรองรับ Dolby Atmos

Apple เตรียมยกระดับ Apple Music ด้วยระบบเสียงตามตำแหน่งพร้อมการรองรับ Dolby Atmos ซึ่งถือว่าเป็นประสบการณ์สุดล้ำที่ให้เสียงเต็มอิ่มสมจริง และทำให้ศิลปินสามารถมิกซ์เพลงที่มีเสียงโอบล้อมจากทุกทิศทางและจากด้านบนได้ โดยที่ Apple Music จะเล่นแทร็ค Dolby Atmos โดยอัตโนมัติตามค่าเริ่มต้นบน AirPods และหูฟัง Beats ทุกรุ่นที่มีชิป H1 หรือ W1 รวมถึงลำโพงในตัวของ iPhone, iPad และ Mac รุ่นล่าสุดด้วย นอกจากนี้ Apple ยังจะเดินหน้าเพิ่มแทร็ค Dolby Atmos ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับคัดสรรเพลงมาจัดทำเป็นเพลย์ลิสต์ Dolby Atmos ชุดพิเศษเพื่อช่วยให้ผู้ฟังได้พบเจอเพลงที่ชื่นชอบ ส่วนอัลบั้มที่มีให้ฟังในแบบ Dolby Atmos ก็จะมีป้ายติดไว้ในหน้ารายละเอียดเพื่อให้สังเกตเห็นได้ง่าย
ในช่วงเปิดตัว สมาชิกจะได้ฟังเพลงหลายพันเพลงในระบบเสียงตามตำแหน่งจากศิลปินชื่อดังระดับโลกมากมาย ครอบคลุมทุกแนวเพลง ตั้งแต่ฮิปฮอป คันทรี่ ละติน ป๊อป จนถึงคลาสสิก และในขณะที่ศิลปินเริ่มสร้างสรรค์เพลงเพื่อมอบประสบการณ์ในแบบ Spatial Audio มากขึ้นเรื่อยๆ Apple Music ก็กำลังร่วมมือกับศิลปินและค่ายเพลงเพื่อเพิ่มระบบเสียงนี้ให้กับเพลงออกใหม่และแทร็คฮิตในแค็ตตาล็อก ยิ่งกว่านั้น Apple Music ยังร่วมมือกับ Dolby เพื่อช่วยให้นักดนตรี โปรดิวเซอร์ และวิศวกรด้านการมิกซ์สามารถสร้างเพลงในแบบ Dolby Atmos ได้ง่าย ผ่านทางโครงการต่างๆ อย่างการเพิ่มจำนวนห้องบันทึกเสียงที่รองรับ Dolby อีกเท่าตัวในตลาดใหญ่ๆ พร้อมกับจัดทำโปรแกรมเพื่อการศึกษา และให้ข้อมูลความรู้แก่ศิลปินอิสระ 
"วันนี้มีการเปิดตัว Dolby Atmos บน Apple Music ซึ่งถือเป็นประสบการณ์ใหม่แห่งเสียงดนตรีที่จะพลิกโฉมทั้งการสร้างสรรค์เพลงของศิลปิน และการเพลิดเพลินกับเสียงเพลงของแฟนๆ" Kevin Yeaman ซึ่งเป็นประธานและ CEO ของ Dolby Laboratories กล่าว "เรากำลังร่วมมือกับ Apple Music เพื่อทำให้ Dolby Atmos เป็นสิ่งที่นักดนตรีและทุกคนที่รักเสียงเพลงเข้าถึงได้ในวงกว้าง"
J Balvin กล่าวว่า "ผมตื่นเต้นจริงๆ ที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจ็กต์นี้กับทาง Apple Music เพราะผมอยากล้ำหน้าไปก้าวหนึ่งเสมอ และผมคิดว่านี่แหละคือก้าวที่ผมมองหาอยู่ กับเสียงแบบ Lossless ที่จะทำให้ทุกอย่างในเสียงเพลงดังกระหึ่มและสมจริงยิ่งขึ้น แต่ที่สำคัญยิ่งกว่า คือคุณภาพดีขึ้นด้วย ตอนที่ผมได้ฟังเสียงและเพลงของตัวเองในแบบ Dolby Atmos ครั้งแรกนั้นเป็นอะไรที่เหลือเชื่อมาก เรียกว่าตะลึงจนพูดไม่ออกเลย และผมเชื่อว่าแฟนๆ จะต้องติดใจประสบการณ์ใหม่นี้แน่นอน"
Gustavo Dudamel กล่าวว่า "การได้เป็นวาทยกรควบคุมการบรรเลงเพลง 'Symphony of a Thousand' ซึ่งเป็นผลงานชั้นเลิศของ Mahler นั้นถือเป็นประสบการณ์ที่อิ่มเอมและตราตรึงใจชนิดที่ไร้คำบรรยาย แต่วันนี้เทคโนโลยีก้าวหน้ามาจนถึงขั้นที่สามารถนำประสบการณ์นั้นมาอยู่ใกล้กับหู จิตใจ และจิตวิญญาณของเรามากขึ้น ผมอยากเชิญให้ทุกท่านมาดื่มด่ำกับการบรรเลงเพลงแบบสดๆ ร่วมกับวง Los Angeles Philharmonic อันเป็นที่รักของผมทาง Apple Music ซึ่งในครั้งนี้ผ่านการรีมาสเตอร์ด้วยเทคโนโลยีระบบเสียง Dolby Atmos เป็นครั้งแรก และยังมีผลงานการบันทึกเสียงของผมร่วมกับวง LA Phil จากค่าย Deutsche Grammophon ในรูปแบบเสียง 3D อันน่าทึ่งให้ได้ฟังกันอย่างเต็มอิ่มอีกด้วย"
Giles Martin ซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์ นักแต่งเพลง และนักประพันธ์เพลงที่ได้รับรางวัล Grammy Award กล่าวว่า "ตั้งแต่ที่เริ่มมีการบันทึกเสียง บรรดาศิลปิน โปรดิวเซอร์ และวิศวกรต่างก็พยายามวาดภาพโดยใช้เสียง เพื่อพาผู้ฟังเดินทางสู่โลกที่พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามีอยู่ ถึงแม้ว่าเสียงนั้นจะดังมาจากลำโพงตัวเดียวก็ตาม แต่วันนี้ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของระบบเสียงที่เต็มอิ่มสมจริง เราสามารถพาผู้ที่หลงใหลในเสียงเพลงเข้าไปอยู่ในเสียงเพลงได้แล้วจริงๆ ตั้งแต่ความรู้สึกของการได้ยินศิลปินคนโปรดอยู่ในห้องเดียวกันกับคุณ จนถึงประสบการณ์ของการนั่งอยู่กลางวงซิมโฟนีออร์เคสตรา ทั้งหมดนี้จะพลิกโฉมประสบการณ์การฟังไปโดยสิ้นเชิง และสำหรับคนทำเพลงแล้ว บอกเลยว่าความเป็นได้นั้นมีไม่รู้จบ นี่คือก้าวกระโดดครั้งยิ่งใหญ่ในด้านเทคโนโลยี และผมรู้สึกยินดีที่ได้มีโอกาสมิกซ์เพลงของศิลปินชื่อก้องโลกในแบบ Dolby Atmos ไปแล้วหลายราย และงานที่ทำอยู่นี้ก็ทำให้ผมเองได้หลุดเข้าไปอยู่ในอัลบั้มที่ผมรัก เรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน เพราะผมสามารถดื่มด่ำอย่างเต็มอิ่มกับเสียงเพลงที่ถึงแม้จะคุ้นหู แต่มีกลับมีซาวด์ที่สดใหม่ขึ้นมาทันทีที่ได้ฟัง ซึ่งในฐานะคนทำเพลงแล้ว เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นจริงๆ ที่วันนี้เราสามารถแชร์ประสบการณ์ที่เหลือเชื่อนี้ผ่านทาง Apple Music ได้"
Manny Marroquin ซึ่งเป็นวิศวกรด้านการมิกซ์ที่ได้รับรางวัล Grammy กล่าวว่า "ระบบเสียงตามตำแหน่งได้สร้างตัวตนใหม่ให้กับเสียงเพลง จนผมรู้สึกขนลุกครั้งที่ได้มิกซ์เสียงในแบบ Atmos อนาคตมาอยู่ตรงหน้าเราแล้ว"

เสียงแบบ Lossless

นอกจากนี้ Apple Music ยังจะทำให้เพลงกว่า 75 ล้านเพลงในแค็ตตาล็อกมีให้ฟังในแบบ Lossless อีกด้วย โดยที่ Apple ใช้ ALAC (Apple Lossless Audio Codec) เพื่อรักษาทุกรายละเอียดของไฟล์เสียงต้นฉบับไว้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้สมาชิก Apple Music สามารถเต็มอิ่มกับเสียงเพลงอย่างที่ศิลปินได้สร้างสรรค์ไว้ในห้องบันทึกเสียงทุกประการ
สมาชิกที่ใช้ Apple Music เวอร์ชั่นล่าสุดสามารถเริ่มฟังเสียงแบบ Lossless ได้โดยเข้าไปที่ "การตั้งค่า > เพลง > คุณภาพเสียง" แล้วเปิดใช้งาน อีกทั้งยังสามารถเลือกความละเอียดที่เหมาะสมสำหรับการเชื่อมต่อแบบต่างๆ ได้ อย่างเช่นระบบเซลลูลาร์, Wi-Fi หรือสำหรับการดาวน์โหลด และเสียงแบบ Lossless ของ Apple จะเริ่มที่คุณภาพระดับ CD หรือ 16 บิต ที่ 44.1 kHz และขึ้นไปสูงสุดถึงระดับ 24 บิต ที่ 48 kHz และสามารถเปิดฟังได้ทันทีบนอุปกรณ์ Apple ยิ่งกว่านั้นสำหรับ Audiophile ตัวจริง Apple Music ยังมี Hi-Resolution Lossless สูงสุดถึงระดับ 24 บิต ที่ 192 kHz1
Piper Payne ซึ่งเป็นวิศวกร กล่าวว่า "จิตวิญญาณและชีวิตของเสียงที่มิกซ์นั้นอยู่ในข้อมูลยิบย่อยทั้งหลายที่เก็บอยู่ในไฟล์แบบ Lossless ซึ่งในฐานะวิศวกรที่ทำมาสเตอร์ การที่สามารถถ่ายทอดเสียงเพลงไปสู่ผู้ฟังด้วยคุณภาพที่ดีที่สุดนั้นถือเป็นเป้าหมายสูงสุดสำหรับงานที่ผมอยู่ทุกวันนี้"
ความพร้อมใช้งาน
  • สมาชิก Apple Music จะสามารถใช้งานระบบเสียงตามตำแหน่งพร้อมการรองรับ Dolby Atmos รวมถึงเสียงแบบ Lossless โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
  • ในช่วงเปิดตัวจะมีแทร็คในระบบเสียงตามตำแหน่งพร้อม Dolby Atmos ให้ฟังหลายพันแทร็ค และจะมีแทร็คใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
  • แค็ตตาล็อกของ Apple Music ที่มีเพลงมากกว่า 75 ล้านเพลงจะมีให้ฟังในเสียงแบบ Lossless
ดูข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงรายการอุปกรณ์ทั้งหมดที่ใช้งานร่วมกันได้ที่ apple.com/th/apple-music
แชร์บทความ

เกี่ยวกับ Apple Music

Apple หลงใหลในเสียงเพลง และ Apple ได้ปฏิวัติประสบการณ์การฟังเพลงด้วย iPod และ iTunes โดยการนำเพลงนับพันมาใส่ไว้ในกระเป๋าของคุณ มาวันนี้ Apple Music ได้ก้าวสู่จุดสูงสุดด้วยเพลงมากกว่า 75 ล้านเพลง เพลย์ลิสต์หลายพัน และเพลงที่คัดสรรมาเป็นอย่างดีทุกวันโดยผู้เชี่ยวชาญด้านเพลงระดับโลก ตลอดจนศิลปินและนักจัดรายการอีกนับไม่ถ้วนที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาออกอากาศทุกวันทาง Apple Music 1, Apple Music Hits และ Apple Music Country ซึ่งมีการสตรีมสดไปทั่วโลก และนับตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา Apple Music มีผู้สมัครสมาชิกแล้วหลายสิบล้านรายใน 167 ประเทศและภูมิภาค โดยมีการสตรีมแบบไร้สายไปยัง iPhone, iPad, iPod, Apple Watch, Apple TV, Mac, HomePod และ CarPlay จึงทำให้ Apple Music เป็นประสบการณ์ด้านเสียงเพลงที่ครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุดในโลก นอกจากนี้ Apple Music ยังมีให้บริการทางสมาร์ททีวีชั้นนำ, ลำโพงอัจฉริยะ, อุปกรณ์ Android และ Windows และอีกมากมาย รวมทั้งทางออนไลน์ที่ music.apple.com
  1. เนื่องจากเสียงแบบ Lossless และ Hi-Res Lossless มีขนาดไฟล์ที่ใหญ่และต้องใช้แบนด์วิดท์สูง สมาชิกจึงต้องเลือกรับประสบการณ์ดังกล่าว นอกจากนี้ Hi-Res Lossless จะต้องใช้กับอุปกรณ์ภายนอก อย่างตัวแปลงสัญญาณดิจิทัลเป็นอนาล็อก (DAC) แบบ USB

สื่อมวลชน

ช่องทางให้ความช่วยเหลือของ Apple สำหรับสื่อมวลชน

media.thailand@apple.com