ปีอันยิ่งใหญ่แห่งการเป็นผู้ให้สำหรับ Apple

Garrett-Leverett และ Cayao เป็น 2 จากพนักงานหลายพันคนของ Apple ที่สละเวลาและบริจาคเงินให้แก่องค์กรในชุมชนทั้งขนาดใหญ่และเล็ก ทำให้ปีนี้เป็นปีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับโครงการ Giving ของ Apple Apple จะคำนวณทุกชั่วโมงที่พนักงานทำงานอาสาสมัครและเงินทุกดอลลาร์เป็นเงินบริจาคให้กับองค์กรเดียวกันนั้น ตั้งแต่เริ่มโครงการในปี 2011 พนักงาน Apple ได้จัดหาเงินบริจาคเกือบ 600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อีกทั้งยังทำงานอาสาสมัครกว่า 1.6 ล้านชั่วโมงให้กับองค์กรกว่า 34,000 แห่ง

เงินในส่วนนี้ได้รับการนำไปสมทบกับเงินบริจาคในนามบริษัทที่ทีม Community Investment ของ Apple ได้มอบให้แก่องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรทั่วโลกอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น Feeding America, FIRST, Malala Fund, Simplon และอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ Apple ยังได้ลงทุนในโครงการเงินช่วยเหลือรายปีมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ ซึ่งมุ่งสนับสนุนองค์กรในชุมชนที่ Apple อาศัยอยู่และดำเนินธุรกิจ เช่น ธนาคารอาหาร บริการด้านสุขภาพและสังคม โครงการศิลปะสำหรับเยาวชน และอีกมากมาย มาในช่วงเทศกาลปลายปีนี้ Apple ยังได้บริจาคเงินเพิ่มอีก 5 ล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนองค์กรระดับโลกมากมายหลายแห่งที่กำลังให้ความช่วยเหลือครอบครัวและชุมชนทั่วโลกต่อกรกับยากลำบากที่เกิดจากการระบาดใหญ่ของ COVID-19 ตั้งแต่การบรรเทาความหิวโหยจนถึงการรักษาพยาบาล

เมื่อต้องเผชิญกับความท้าทายอันเป็นผลมาจากการระบาดใหญ่ พนักงาน Apple จึงได้ค้นพบวิธีใหม่ๆ ที่จะช่วยให้พวกเขายังคงสร้างประโยชน์ให้แก่ชุมชนได้โดยการร่วมเป็นอาสาสมัคร ไม่ว่าจะเป็นแบบเสมือนหรือกลางแจ้ง ซึ่งรวมถึงกิจกรรม Miles for Refugee ที่จัดโดย British Red Cross ในสหราชอาณาจักร โดยที่ผู้เข้าร่วมจะได้เลือกระยะทางที่เป็นเป้าหมาย ซึ่งจำลองมาจากการเดินทางจริงของผู้ลี้ภัยเพื่อไปสู่ชีวิตใหม่ในจุดหมายปลายทางที่ปลอดภัย จากนั้นจึงรวบรวมเงินจากผู้สนับสนุนที่ร่วมทำกิจกรรมออกกำลังกายในแบบที่ตนเองเลือกจนจบ และกลุ่มอาสาสมัครจาก Apple ก็เป็นทีมองค์กรที่ใหญ่ที่สุดที่เข้าร่วมกิจกรรมประจำปี 2020 นี้

"กิจกรรมในปีนี้สามารถระดมเงินได้มากกว่า 2 ล้านปอนด์ และเราคงทำไม่สำเร็จหากไม่ได้รับการสนับสนุนจากอาสาสมัคร Apple มากมายหลายคนที่มาเข้าร่วม" Maddy Janes ซึ่งเป็นผู้จัดการงานกิจกรรมมวลชนของ British Red Cross กล่าว

ในอินเดีย Chandrika Raghunath ซึ่งเป็นพนักงาน Apple พร้อมด้วยลูกชายวัยรุ่นและหลานสาว ได้ร่วมเป็นอาสาสมัครแบบเสมือนในการจัดทำคู่มือการศึกษาในรูปแบบ Keynote ให้กับ Abhyudaya ซึ่งเป็นโรงเรียนสำหรับเด็กด้อยโอกาส เนื่องจากทราบดีว่านักเรียนคงไม่สามารถเดินทางมาเรียนด้วยตัวเองได้ โดยที่ Raghunath และเพื่อนพนักงาน Apple ได้สละเวลา 300 ชั่วโมงในการจัดทำแหล่งข้อมูลดิจิตอลเพื่อให้นักเรียนยังคงเรียนทางไกลต่อไปได้

Fei Ren ซึ่งทำงานให้กับ Apple ในเซี่ยงไฮ้ยังคงสละเวลาทุกสัปดาห์เพื่อเป็นอาสาสมัครให้กับกลุ่ม beYoureyeS โดยการจับคู่กับสมาชิกในชุมชนคนตาบอดและออกไปเดินหรือวิ่งกลางแจ้ง ซึ่งสำหรับ Ren แล้ว การหาวิธีที่ปลอดภัยในการรักษาความสัมพันธ์​อันยาวนานระหว่างเธอกับองค์กรที่เป็นเสมือนครอบครัวนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญ

ในปีนี้ยังมีชุมชนอีกหลายแห่งที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนกับความยากลำบากทางเศรษฐกิจและการขาดแคลนอาหาร ดังนั้น Apple และพนักงานจึงได้ร่วมบริจาคให้แก่ธนาคารอาหารทั่วโลก และหนึ่งในนั้นคือ Münchner Tafel ซึ่งเป็นธนาคารอาหารในมิวนิกที่จัดหาและแจกจ่ายอาหารให้แก่ชาวเมืองกว่า 20,000 คนทุกสัปดาห์

"เงินจำนวนดังกล่าวช่วยให้เราวางแผนล่วงหน้าได้อย่างน้อยถึง 4, 5 หรือ 6 เดือนเลยทีเดียว ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะเราอาศัยแต่เงินบริจาคเพียงอย่างเดียวจริงๆ" Angela Zacher ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่สื่อมวลชนและประชาสัมพันธ์ของ Münchner Tafel กล่าว "เงินดังกล่าวเป็นเครื่องรับประกันว่าเราจะสามารถผ่านพ้นภาวะขาดแคลนอาหารนี้ไปได้"

เมืองออสติน รัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงาน Apple ที่ใหญ่ที่สุดนอกเมืองคูเปอร์ติโน รัฐแคลิฟอร์เนีย องค์กร Caritas of Austin ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยประชาชนที่กำลังประสบปัญหาหรือเสี่ยงต่อการเป็นผู้ไร้บ้าน โดยตั้งแต่เดือนมีนาคมจนถึงกันยายน 2020 ทางองค์กรได้ช่วยจัดหาที่อยู่อาศัยให้แก่ประชาชนและครอบครัวเพิ่มขึ้นถึง 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และความช่วยเหลือดังกล่าวยังรวมถึงการสนับสนุนทางการเงินให้กับอีกหลายคนที่ต้องตกงานอันเนื่องมาจากการระบาดใหญ่

"เป้าหมายของเรากับกลุ่มคนเหล่านี้เปลี่ยนไปตรงที่เราต้องหันมาช่วยให้พวกเขายังคงได้อยู่ในบ้านของตัวเองต่อไป" Amy Jackson ซึ่งเป็น Chief Development Officer ขององค์กร Caritas of Austin กล่าว "เราจึงรู้สึกภูมิใจจริงๆ ที่ยังคงสามารถทำตามเป้าหมายนั้นต่อไปได้"

ปีนี้เป็นอีกครั้งที่ Apple และพนักงานได้ร่วมสนับสนุนองค์กร Caritas of Austin ซึ่งให้ความช่วยเหลือในการจัดหาอาหาร สนับสนุนการหางาน และอำนวยความสะดวกด้านที่อยู่อาศัยให้แก่หลายครอบครัวในเมืองนี้

"Apple ถือเป็นธุรกิจท้องถิ่นประจำเมืองออสติน" Troy Gilbert ซึ่งเป็น Major Gifts Officer ขององค์กร Caritas of Austin กล่าว "ดังนั้นการได้รับความช่วยเหลือในระดับท้องถิ่นจากบริษัทที่มีความผูกพันอย่างแนบแน่นกับชุมชนของเราในทุกก้าวย่างจึงมีความหมายมากจริงๆ"

West Valley Community Services ได้ให้การสนับสนุนครอบครัวในคูเปอร์ติโน ซึ่งเป็นเมืองที่ Apple ถือกำเนิดขึ้น รวมถึงและพื้นที่รอบๆ มาเป็นเวลายาวนานเกือบ 50 ปี โดยองค์กรแห่งนี้ได้ให้ความช่วยเหลือผู้ที่อยู่ต่ำกว่าเกณฑ์ความยากจนในการจัดหาบ้านเช่า สาธารณูปโภค และอาหาร และพบว่าตั้งแต่การระบาดใหญ่เริ่มต้นขึ้นนั้น มีจำนวนครอบครัวที่ต้องการความช่วยเหลือเพิ่มขึ้นมาก

Apple และพนักงานได้ร่วมบริจาคให้ West Valley Community Services มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว และในปีนี้ นอกเหนือจากการบริจาคเงินและแรงอาสาสมัครแล้ว Apple ยังได้บริจาคผลไม้หลายพันกิโลกรัมจากต้นไม้ที่ Apple Park ให้กับองค์กร ซึ่งองค์กรก็ได้นำไปแจกจ่ายให้กับลูกค้าต่อไป โดยนำไปไว้ส่วนของห้องครัวหรือนำไปส่งให้ถึงบ้าน

“เราไม่มีทางรับมือกับความต้องการทั้งหมดนี้ได้หากไม่ได้พันธมิตรอย่าง Apple ยื่นมือเข้ามาช่วยไว้ เพราะ Apple อยากจะมั่นใจจริงๆ ว่าทรัพยากรเหล่านี้จะพร้อมใช้ในเวลาที่ผู้คนต้องการมากที่สุด” Josh Selo, กรรมการบริหารของ West Valley Community Services กล่าว องค์กรได้ให้ความช่วยเหลือลูกค้าไปแล้วกว่า 3,300 รายในเวลาหนึ่งปีนับจนถึงเดือนมิถุนายน 2019 และตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นกว่า 40% จนกลายเป็น 4,500 รายในเดือนมิถุนายน 2020 ซึ่งเป็นเวลาเพียงไม่กี่เดือนก่อนจะเกิดการระบาดใหญ่ และ Selo เชื่อว่าตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

Shefali Lakhani ติดต่อไปที่ West Valley  Community Services หลังจากที่สามีของเธอตกงานในช่วงเริ่มต้นของการระบาดใหญ่ ทั้งคู่เพิ่งมีลูกชายตัวเล็กๆ ด้วยกันและต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อหารายได้ประทังชีวิต องค์กรจึงช่วยจ่ายค่าเช่ารายเดือนให้พวกเขาเป็นเวลาหลายเดือน จนกระทั่งสามีของ Lakhani สามารถหางานใหม่ได้

“ผู้ที่ดูแลเคสของเราทุ่มเทสุดตัวเพื่อให้แน่ใจว่าเราจะได้รับความช่วยเหลือในเรื่องค่าเช่า” Lakhani กล่าว “นี่ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ เพราะในช่วงที่มีการระบาดใหญ่ เราหมดตัวจริงๆ เรียกได้ว่าเราไม่มีอะไรเลย และตอนนี้เรากลับมาดูแลตัวเองได้แล้ว”