ข้อมูลอ้างอิงทั้งหมดเกี่ยวกับแบตเตอรี่ขึ้นอยู่กับเครือข่ายเซลลูลาร์ ตำแหน่งที่ตั้ง ความแรงของสัญญาณ การกำหนดค่าคุณสมบัติ การใช้งาน และปัจจัยอื่นๆ อีกหลายอย่าง ผลลัพธ์จริงจะแตกต่างออกไป แบตเตอรี่มีจำนวนรอบการชาร์จจำกัดและอาจจำเป็นต้องได้รับการเปลี่ยนใหม่ในที่สุด ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่และจำนวนรอบการชาร์จอาจแตกต่างกันตามการใช้งานและการตั้งค่า การทดสอบแบตเตอรี่ใช้เครื่อง iPhone ที่ระบุเป็นการเฉพาะ
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ apple.com/th/batteries และ apple.com/th/iphone/compare
การทดสอบระยะเวลาสนทนา
Apple ทำการทดสอบในเดือนสิงหาคม 2018 โดยใช้เครื่อง
iPhone XS, iPhone XS Max และ iPhone XR รุ่นก่อนการผลิต
จริงพร้อมซอฟต์แวร์ บนเครือข่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์ทั้งระบบ
GSM และ CDMA การทดสอบระยะเวลาสนทนาทำบนเครือข่าย
Voice over LTE (VoLTE) การตั้งค่าทั้งหมดเป็นค่าเริ่มต้น ยกเว้นการจับคู่ Bluetooth กับหูฟัง การเชื่อมต่อระบบ Wi-Fi กับเครือข่าย
และการปิดคุณสมบัติถามเพื่อเข้าร่วมเครือข่าย ของ Wi-Fi
Apple ทำการทดสอบในเดือนสิงหาคม 2017 โดยใช้เครื่อง
iPhone 8, iPhone 8 Plus และ iPhone X รุ่นก่อนการผลิตจริง
พร้อมซอฟต์แวร์ บนเครือข่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์ทั้งระบบ GSM
และ CDMA การทดสอบระยะเวลาสนทนาทำบนเครือข่ายเสียง 3G
การตั้งค่าทั้งหมดเป็นค่าเริ่มต้น ยกเว้นการจับคู่ Bluetooth กับ
หูฟัง การเชื่อมต่อระบบ Wi-Fi กับเครือข่าย และการปิด
คุณสมบัติถามเพื่อเข้าร่วมเครือข่าย ของ Wi-Fi
Apple ทำการทดสอบในเดือนสิงหาคม 2016 โดยใช้เครื่อง
iPhone 7 และ iPhone 7 Plus รุ่นก่อนการผลิตจริงพร้อมซอฟต์แวร์
บนเครือข่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์ทั้งระบบ GSM และ CDMA
การทดสอบระยะเวลาสนทนาทำบนเครือข่ายเสียง 3G
การตั้งค่าทั้งหมดเป็นค่าเริ่มต้น ยกเว้นการจับคู่ Bluetooth
กับหูฟัง การเชื่อมต่อระบบ Wi-Fi กับเครือข่าย และการปิดคุณสมบัติ
ถามเพื่อเข้าร่วมเครือข่าย ของ Wi-Fi
Apple ทำการทดสอบในเดือนมีนาคม 2016 โดยใช้เครื่อง
iPhone SE (รุ่นที่ 1) รุ่นก่อนการผลิตจริงพร้อมซอฟต์แวร์
บนเครือข่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์ทั้งระบบ GSM และ CDMA
การทดสอบระยะเวลาสนทนาทำบนเครือข่ายเสียง 3G การตั้งค่า
ทั้งหมดเป็นค่าเริ่มต้น ยกเว้นการเชื่อมต่อระบบ Wi-Fi กับเครือข่าย
และการปิดคุณสมบัติถามเพื่อเข้าร่วมเครือข่าย ของ Wi-Fi
Apple ทำการทดสอบในเดือนสิงหาคม 2015 โดยใช้เครื่อง
iPhone 6s และ iPhone 6s Plus รุ่นก่อนการผลิตจริงพร้อมซอฟต์แวร์ บนเครือข่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์ทั้งระบบ GSM และ
CDMA การทดสอบระยะเวลาสนทนาทำบนเครือข่ายเสียง 3G
การตั้งค่าทั้งหมดเป็นค่าเริ่มต้น ยกเว้นการเชื่อมต่อระบบ Wi-Fi
กับเครือข่าย และการปิดคุณสมบัติถามเพื่อเข้าร่วมเครือข่าย
ของ Wi-Fi
Apple ทำการทดสอบในเดือนสิงหาคม 2014 โดยใช้เครื่อง
iPhone 6 และ iPhone 6 Plusรุ่นก่อนการผลิตจริงพร้อมซอฟต์แวร์
บนเครือข่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์ทั้งระบบ GSM และ CDMA
การทดสอบระยะเวลาสนทนาทำบนเครือข่ายเสียง 3G การตั้งค่า
ทั้งหมดเป็นค่าเริ่มต้น ยกเว้นการเชื่อมต่อระบบ Wi-Fi กับเครือข่าย
และการปิดคุณสมบัติถามเพื่อเข้าร่วมเครือข่าย ของ Wi-Fi
การทดสอบระยะเวลาสแตนด์บาย
Apple ทำการทดสอบในเดือนสิงหาคม 2016 โดยใช้เครื่อง
iPhone 7 และ iPhone 7 Plus รุ่นก่อนการผลิตจริงพร้อมซอฟต์แวร์
บนเครือข่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์ทั้งระบบ GSM และ CDMA การตั้งค่า
ทั้งหมดเป็นค่าเริ่มต้น ยกเว้นการเชื่อมต่อระบบ Wi-Fi กับเครือข่าย
และการปิดคุณสมบัติถามเพื่อเข้าร่วมเครือข่าย ของ Wi-Fi
ทั้งนี้ไม่มีการเปิดใช้งาน "หวัดดี Siri" ระยะเวลาสแตนด์บายนาน
สูงสุด 9 วัน ใน iPhone 7 และนานสูงสุด 15 วัน ใน iPhone 7 Plus
เมื่อเปิดใช้งาน "หวัดดี Siri"
Apple ทำการทดสอบในเดือนมีนาคม 2016 โดยใช้เครื่อง
iPhone SE (รุ่นที่ 1) รุ่นก่อนการผลิตจริงพร้อมซอฟต์แวร์
บนเครือข่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์ทั้งระบบ GSM และ CDMA การตั้งค่า
ทั้งหมดเป็นค่าเริ่มต้น ยกเว้นการเชื่อมต่อระบบ Wi-Fi กับเครือข่าย
และการปิดคุณสมบัติถามเพื่อเข้าร่วมเครือข่าย ของ Wi-Fi
ทั้งนี้ไม่มีการเปิดใช้งาน "หวัดดี Siri" และเมื่อเปิดใช้งาน "หวัดดี Siri"
เวลาสแตนด์บายจะนานสูงสุด 10 วันใน iPhone SE
Apple ทำการทดสอบในเดือนสิงหาคม 2015 โดยใช้เครื่อง
iPhone 6s และ iPhone 6s Plus รุ่นก่อนการผลิตจริงพร้อมซอฟต์แวร์ บนเครือข่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์ทั้งระบบ GSM และ
CDMA การตั้งค่าทั้งหมดเป็นค่าเริ่มต้น ยกเว้นการเชื่อมต่อ
ระบบ Wi-Fi กับเครือข่าย และการปิดคุณสมบัติถามเพื่อเข้าร่วม
เครือข่าย ของ Wi-Fi ทั้งนี้ไม่มีการเปิดใช้งาน "หวัดดี Siri"
และเมื่อเปิดใช้งาน "หวัดดี Siri" ระยะเวลาสแตนด์บายจะนาน
สูงสุด 9 วันใน iPhone 6s และ 15 วัน ใน iPhone 6s Plus
Apple ทำการทดสอบในเดือนสิงหาคม 2014 โดยใช้เครื่อง iPhone 6 Plus และ iPhone 6 รุ่นก่อนการผลิตจริงพร้อม
ซอฟต์แวร์ บนเครือข่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์ทั้งระบบ GSM และ
CDMA การตั้งค่าทั้งหมดเป็นค่าเริ่มต้น ยกเว้นการเชื่อมต่อ
ระบบ Wi-Fi กับเครือข่าย และการปิดคุณสมบัติถามเพื่อเข้าร่วม
เครือข่าย ของ Wi-Fi
การทดสอบการเล่นวิดีโอ
Apple ทำการทดสอบในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม 2024 โดยใช้เครื่อง iPhone 16, iPhone 16 Plus, iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max รุ่นก่อนการผลิตจริงพร้อมซอฟต์แวร์ และมีการสมัครใช้งานเครือข่ายของผู้ให้บริการเครือข่าย LTE และ 5G การเล่นวิดีโอ (ผ่านการสตรีม) ประกอบด้วยภาพยนตร์แบบ HDR ความยาว 2 ชั่วโมง 23 นาที ที่ซื้อจาก iTunes Store และถูกตั้งให้เล่นซ้ำ โดยทดสอบด้วยการส่งสัญญาณเสียงสเตอริโอ การเล่นวิดีโอ (ผ่านการสตรีม) ประกอบด้วยภาพยนตร์แบบ HDR ความยาว 3 ชั่วโมง 1 นาที ที่ซื้อจาก iTunes Store และถูกตั้งให้เล่นซ้ำ โดยทดสอบด้วยการส่งสัญญาณเสียงสเตอริโอ การตั้งค่าทั้งหมดเป็นค่าเริ่มต้น ยกเว้น การจับคู่ Bluetooth กับหูฟัง, การเชื่อมต่อระบบ Wi-Fi กับเครือข่าย รวมถึงการปิดคุณสมบัติถามเพื่อเข้าร่วมเครือข่ายของ Wi-Fi, คุณสมบัติปรับความสว่างอัตโนมัติ และการแสดงผลแบบ True Tone
Apple ทำการทดสอบในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม 2023 โดยใช้เครื่อง iPhone 15, iPhone 15 Plus, iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max รุ่นก่อนการผลิตจริงพร้อมซอฟต์แวร์ และมีการสมัครใช้งานเครือข่ายของผู้ให้บริการเครือข่าย LTE และ 5G การเล่นวิดีโอประกอบด้วยภาพยนตร์ความยาว 2 ชั่วโมง 23 นาที ที่ซื้อจาก iTunes Store และถูกตั้งให้เล่นซ้ำ โดยทดสอบด้วยการส่งสัญญาณเสียงสเตอริโอ การเล่นวิดีโอ (ผ่านการสตรีม) ประกอบด้วยภาพยนตร์แบบ HDR ความยาว 3 ชั่วโมง 1 นาที ที่ซื้อจาก iTunes Store และถูกตั้งให้เล่นซ้ำ โดยทดสอบด้วยการส่งสัญญาณเสียงสเตอริโอ การตั้งค่าทั้งหมดเป็นค่าเริ่มต้น ยกเว้น การจับคู่ Bluetooth กับหูฟัง, การเชื่อมต่อระบบ Wi-Fi กับเครือข่าย รวมถึงการปิดคุณสมบัติถามเพื่อเข้าร่วมเครือข่ายของ Wi-Fi, คุณสมบัติปรับความสว่างอัตโนมัติ และการแสดงผลแบบ True Tone
Apple ทำการทดสอบในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม 2022
โดยใช้เครื่อง iPhone 14, iPhone 14 Plus, iPhone 14 Pro
และ iPhone 14 Pro Max รุ่นก่อนการผลิตจริงพร้อมซอฟต์แวร์
และมีการสมัครใช้งานเครือข่ายของผู้ให้บริการเครือข่าย LTE และ 5G
การเล่นวิดีโอประกอบด้วยภาพยนตร์ความยาว 2 ชั่วโมง 23 นาที
ที่ซื้อจาก iTunes Store และถูกตั้งให้เล่นซ้ำ โดยทดสอบด้วยการส่ง
สัญญาณเสียงสเตอริโอ การเล่นวิดีโอ (ผ่านการสตรีม) ประกอบด้วย
ภาพยนตร์แบบ HDR ความยาว 3 ชั่วโมง 1 นาที ที่ซื้อจาก
iTunes Store และถูกตั้งให้เล่นซ้ำ โดยทดสอบด้วยการส่งสัญญาณ
เสียงสเตอริโอ การตั้งค่าทั้งหมดเป็นค่าเริ่มต้น ยกเว้น การจับคู่
Bluetooth กับหูฟัง, การเชื่อมต่อระบบ Wi-Fi กับเครือข่าย รวมถึง
การปิดคุณสมบัติถามเพื่อเข้าร่วมเครือข่ายของ Wi-Fi, คุณสมบัติ
ปรับความสว่างอัตโนมัติ และการแสดงผลแบบ True Tone
Apple ทำการทดสอบในเดือนมกราคม 2022 โดยใช้เครื่อง
iPhone SE (รุ่นที่ 3) รุ่นก่อนการผลิตจริงพร้อมซอฟต์แวร์ และ
มีการสมัครใช้งานเครือข่ายของผู้ให้บริการเครือข่าย LTE และ 5G
การเล่นวิดีโอประกอบด้วยภาพยนตร์ความยาว 2 ชั่วโมง 23 นาที
ที่ซื้อจาก iTunes Store และถูกตั้งให้เล่นซ้ำ โดยทดสอบด้วยการ
ส่งสัญญาณเสียงสเตอริโอ การเล่นวิดีโอ (ผ่านการสตรีม)
ประกอบด้วยภาพยนตร์แบบ HDR ความยาว 3 ชั่วโมง 1 นาที
ที่ซื้อจาก iTunes Store และถูกตั้งให้เล่นซ้ำ โดยทดสอบด้วยการ
ส่งสัญญาณเสียงสเตอริโอ การตั้งค่าทั้งหมดเป็นค่าเริ่มต้น ยกเว้น
การจับคู่ Bluetooth กับหูฟัง, การเชื่อมต่อระบบ Wi-Fi กับเครือข่าย
รวมถึงการปิดคุณสมบัติถามเพื่อเข้าร่วมเครือข่ายของ Wi-Fi,
คุณสมบัติปรับความสว่างอัตโนมัติ และการแสดงผลแบบ True Tone
Apple ทำการทดสอบในเดือนสิงหาคม 2021 โดยใช้เครื่อง
iPhone 13 mini, iPhone 13, iPhone 13 Pro และ
iPhone 13 Pro Max รุ่นก่อนการผลิตจริงพร้อมซอฟต์แวร์ และ
มีการสมัครใช้งานเครือข่ายของผู้ให้บริการเครือข่าย LTE และ 5G
การเล่นวิดีโอประกอบด้วยภาพยนตร์ความยาว 2 ชั่วโมง 23 นาที
ที่ซื้อจาก iTunes Store และถูกตั้งให้เล่นซ้ำ โดยทดสอบด้วยการ
ส่งสัญญาณเสียงสเตอริโอ การเล่นวิดีโอ (ผ่านการสตรีม)
ประกอบด้วยภาพยนตร์แบบ HDR ความยาว 3 ชั่วโมง 1 นาที
ที่ซื้อจาก iTunes Store และถูกตั้งให้เล่นซ้ำ โดยทดสอบด้วยการ
ส่งสัญญาณเสียงสเตอริโอ การตั้งค่าทั้งหมดเป็นค่าเริ่มต้น
ยกเว้นการจับคู่ Bluetooth กับหูฟัง การเชื่อมต่อระบบ Wi-Fi
กับเครือข่าย การปิดคุณสมบัติถามเพื่อเข้าร่วมเครือข่าย ของ
Wi-Fi ปิดคุณสมบัติปรับความสว่างอัตโนมัติ และปิดการแสดงผล
แบบ True Tone
Apple ทำการทดสอบในเดือนสิงหาคมและกันยายน 2020
โดยใช้เครื่อง iPhone 12 mini, iPhone 12, iPhone 12 Pro และ
iPhone 12 Pro Max รุ่นก่อนการผลิตจริงพร้อมซอฟต์แวร์ และ
มีการสมัครใช้งานเครือข่ายของผู้ให้บริการเครือข่าย LTE และ 5G
การเล่นวิดีโอประกอบด้วยภาพยนตร์ความยาว 2 ชั่วโมง 23 นาที
ที่ซื้อจาก iTunes Store และถูกตั้งให้เล่นซ้ำ การเล่นวิดีโอ (ผ่านการ
สตรีม) ประกอบด้วยภาพยนตร์ความยาว 3 ชั่วโมง 1 นาที ที่ซื้อจาก
iTunes Store และถูกตั้งให้เล่นซ้ำ การตั้งค่าทั้งหมดเป็นค่าเริ่มต้น
ยกเว้นการจับคู่ Bluetooth กับหูฟัง การเชื่อมต่อระบบ Wi-Fi
กับเครือข่าย การปิดคุณสมบัติถามเพื่อเข้าร่วมเครือข่าย ของ
Wi-Fi ปิดคุณสมบัติปรับความสว่างอัตโนมัติ และปิดการแสดงผล
แบบ True Tone
Apple ทำการทดสอบในเดือนกุมภาพันธ์ 2020 โดยใช้เครื่อง
iPhone SE (รุ่นที่ 2) รุ่นก่อนการผลิตจริงพร้อมซอฟต์แวร์
บนเครือข่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์ทั้งระบบ GSM และ CDMA
การเล่นวิดีโอประกอบด้วยภาพยนตร์ความยาว 2 ชั่วโมง 23 นาที
ที่ซื้อจาก iTunes Store และถูกตั้งให้เล่นซ้ำ การเล่นวิดีโอ (ผ่านการ
สตรีม) ประกอบด้วยภาพยนตร์ความยาว 3 ชั่วโมง 1 นาที ที่ซื้อจาก
iTunes Store และถูกตั้งให้เล่นซ้ำ การตั้งค่าทั้งหมดเป็นค่าเริ่มต้น
ยกเว้นการจับคู่ Bluetooth กับหูฟัง การเชื่อมต่อระบบ Wi-Fi
กับเครือข่าย การปิดคุณสมบัติถามเพื่อเข้าร่วมเครือข่าย ของ
Wi-Fi ปิดคุณสมบัติปรับความสว่างอัตโนมัติ และปิดการแสดงผล
แบบ True Tone
Apple ทำการทดสอบในเดือนสิงหาคม 2019 โดยใช้เครื่อง
iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max รุ่นก่อน
การผลิตจริงพร้อมซอฟต์แวร์ บนเครือข่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์
ทั้งระบบ GSM และ CDMA การเล่นวิดีโอประกอบด้วยภาพยนตร์
ความยาว 2 ชั่วโมง 23 นาที ที่ซื้อจาก iTunes Store และถูกตั้ง
ให้เล่นซ้ำ การเล่นวิดีโอ (ผ่านการสตรีม) ประกอบด้วยภาพยนตร์
ความยาว 3 ชั่วโมง 1 นาที ที่ซื้อจาก iTunes Store และถูกตั้งให้เล่นซ้ำ
การตั้งค่าทั้งหมดเป็นค่าเริ่มต้น ยกเว้นการจับคู่ Bluetooth กับหูฟัง การเชื่อมต่อระบบ Wi-Fi กับเครือข่าย การปิดคุณสมบัติถามเพื่อเข้าร่วมเครือข่าย ของ Wi-Fi ปิดคุณสมบัติปรับความสว่างอัตโนมัติ และปิดการแสดงผลแบบ True Tone
Apple ทำการทดสอบในเดือนสิงหาคม 2018 โดยใช้เครื่อง
iPhone XS, iPhone XS Max และ iPhone XR รุ่นก่อนการผลิตจริง
พร้อมซอฟต์แวร์ บนเครือข่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์ทั้งระบบ GSM
และ CDMA คอนเทนต์วิดีโอประกอบด้วยภาพยนตร์ ความยาว
2 ชั่วโมง 23 นาที ที่ซื้อจาก iTunes Store และถูกตั้งให้เล่นซ้ำ
การตั้งค่าทั้งหมดเป็นค่าเริ่มต้น ยกเว้นการจับคู่ Bluetooth กับหูฟัง
การเชื่อมต่อระบบ Wi-Fi กับเครือข่าย การปิดคุณสมบัติถามเพื่อ
เข้าร่วมเครือข่าย ของ Wi-Fi ปิดคุณสมบัติปรับความสว่าง
อัตโนมัติ และปิดการแสดงผลแบบ True Tone
Apple ทำการทดสอบในเดือนสิงหาคม 2017 โดยใช้เครื่อง
iPhone 8, iPhone 8 Plus และ iPhone X รุ่นก่อนการผลิตจริง
พร้อมซอฟต์แวร์ บนเครือข่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์ทั้งระบบ GSM และ
CDMA คอนเทนต์วิดีโอประกอบด้วยภาพยนตร์ ความยาว 2 ชั่วโมง
23 นาทีที่ซื้อจาก iTunes Store และถูกตั้งให้เล่นซ้ำ การตั้งค่าทั้งหมดเป็นค่าเริ่มต้น ยกเว้นการจับคู่ Bluetooth กับหูฟัง การเชื่อมต่อระบบ Wi-Fi กับเครือข่าย การปิดคุณสมบัติถามเพื่อเข้าร่วมเครือข่าย ของ Wi-Fi ปิดคุณสมบัติปรับความสว่างอัตโนมัติ และปิดการแสดงผลแบบ True Tone
Apple ทำการทดสอบในเดือนสิงหาคม 2016 โดยใช้เครื่อง
iPhone 7 และ iPhone 7 Plus รุ่นก่อนการผลิตจริงพร้อมซอฟต์แวร์
บนเครือข่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์ทั้งระบบ GSM และ CDMA
คอนเทนต์วิดีโอประกอบด้วยภาพยนตร์ ความยาว 2 ชั่วโมง 23 นาที
ที่ซื้อจาก iTunes Store และถูกตั้งให้เล่นซ้ำ การตั้งค่าทั้งหมดเป็น
ค่าเริ่มต้น ยกเว้นการจับคู่ Bluetooth กับหูฟัง การเชื่อมต่อระบบ
Wi-Fi กับเครือข่าย การปิดคุณสมบัติถามเพื่อเข้าร่วมเครือข่าย
ของ Wi-Fi และปิดคุณสมบัติปรับความสว่างอัตโนมัติ
Apple ทำการทดสอบในเดือนมีนาคม 2016 โดยใช้เครื่อง
iPhone SE (รุ่นที่ 1) รุ่นก่อนการผลิตจริงพร้อมซอฟต์แวร์
บนเครือข่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์ทั้งระบบ GSM และ CDMA
คอนเทนต์วิดีโอประกอบด้วยภาพยนตร์ ความยาว 2 ชั่วโมง 23 นาที
ที่ซื้อจาก iTunes Store และถูกตั้งให้เล่นซ้ำ การตั้งค่าทั้งหมดเป็น
ค่าเริ่มต้น ยกเว้นการเชื่อมต่อระบบ Wi-Fi กับเครือข่าย การปิด
คุณสมบัติถามเพื่อเข้าร่วมเครือข่าย ของ Wi-Fi และปิด
คุณสมบัติปรับความสว่างอัตโนมัติ
Apple ทำการทดสอบในเดือนสิงหาคม 2015 โดยใช้เครื่อง
iPhone 6s และ iPhone 6s Plus รุ่นก่อนการผลิตจริงพร้อม
ซอฟต์แวร์ บนเครือข่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์ทั้งระบบ GSM
และ CDMA คอนเทนต์วิดีโอประกอบด้วยภาพยนตร์ ความยาว
2 ชั่วโมง 23 นาที ที่ซื้อจาก iTunes Store และถูกตั้งให้เล่นซ้ำ
การตั้งค่าทั้งหมดเป็นค่าเริ่มต้น ยกเว้นการเชื่อมต่อระบบ Wi-Fi
กับเครือข่าย การปิดคุณสมบัติถามเพื่อเข้าร่วมเครือข่าย
ของ Wi-Fi และปิดคุณสมบัติปรับความสว่างอัตโนมัติ
Apple ทำการทดสอบในเดือนสิงหาคม 2014 โดยใช้เครื่อง iPhone 6 Plus และ iPhone 6 รุ่นก่อนการผลิตจริงพร้อมซอฟต์แวร์ บนเครือข่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์ทั้งระบบ GSM และ CDMA คอนเทนต์วิดีโอประกอบด้วยภาพยนตร์ ความยาว 2 ชั่วโมง 23 นาที ที่ซื้อจาก iTunes Store และถูกตั้งให้เล่นซ้ำ การตั้งค่าทั้งหมดเป็นค่าเริ่มต้น
ยกเว้นการเชื่อมต่อระบบ Wi-Fi กับเครือข่าย การปิดคุณสมบัติ
ถามเพื่อเข้าร่วมเครือข่าย ของ Wi-Fi และปิดคุณสมบัติ
ปรับความสว่างอัตโนมัติ
การทดสอบการเล่นเสียง
Apple ทำการทดสอบในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม 2024 โดยใช้เครื่อง iPhone 16, iPhone 16 Plus, iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max รุ่นก่อนการผลิตจริงพร้อมซอฟต์แวร์ และมีการสมัครใช้งานเครือข่ายของผู้ให้บริการเครือข่าย LTE และ 5G เพลย์ลิสต์ประกอบด้วยไฟล์เสียง 358 ไฟล์ที่ไม่ซ้ำกันที่ซื้อจาก iTunes Store (เข้ารหัส AAC 256 Kbps) โดยทดสอบด้วยการส่งสัญญาณเสียงสเตอริโอ การตั้งค่าทั้งหมดเป็นค่าเริ่มต้น ยกเว้น การจับคู่ Bluetooth กับหูฟัง, การเชื่อมต่อระบบ Wi-Fi กับเครือข่าย, การปิดคุณสมบัติถามเพื่อเข้าร่วมเครือข่ายของ Wi-Fi และปิดคุณสมบัติปรับความสว่างอัตโนมัติ iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max ได้รับการทดสอบขณะเปิดใช้งานการแสดงผลแบบติดตลอดไว้แต่มองไม่เห็นจอภาพ ระยะเวลาในการเล่นเสียงจะลดลงเมื่อมองเห็นจอภาพแบบติดตลอดได้ เมื่อเทียบกับระยะเวลาในการเล่นเมื่อคว่ำจอภาพไว้หรือเก็บอยู่ในกระเป๋า
Apple ทำการทดสอบในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม 2023 โดยใช้เครื่อง iPhone 15, iPhone 15 Plus, iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max รุ่นก่อนการผลิตจริงพร้อมซอฟต์แวร์ และมีการสมัครใช้งานเครือข่ายของผู้ให้บริการเครือข่าย LTE และ 5G เพลย์ลิสต์ประกอบด้วยไฟล์เสียง 358 ไฟล์ที่ไม่ซ้ำกันที่ซื้อจาก iTunes Store (เข้ารหัส AAC 256 Kbps) โดยทดสอบด้วยการส่งสัญญาณเสียงสเตอริโอ การตั้งค่าทั้งหมดเป็นค่าเริ่มต้น ยกเว้น การจับคู่ Bluetooth กับหูฟัง, การเชื่อมต่อระบบ Wi-Fi กับเครือข่าย, การปิดคุณสมบัติถามเพื่อเข้าร่วมเครือข่ายของ Wi-Fi และปิดคุณสมบัติปรับความสว่างอัตโนมัติ iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max ได้รับการทดสอบขณะเปิดใช้งานการแสดงผล
แบบติดตลอดไว้แต่มองไม่เห็นจอภาพ ระยะเวลาในการเล่นเสียงจะลดลงเมื่อมองเห็นจอภาพแบบติดตลอดได้ เมื่อเทียบกับระยะเวลาในการเล่นเมื่อคว่ำจอภาพไว้หรือเก็บอยู่ในกระเป๋า
Apple ทำการทดสอบในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม 2022
โดยใช้เครื่อง iPhone 14, iPhone 14 Plus, iPhone 14 Pro และ
iPhone 14 Pro Max รุ่นก่อนการผลิตจริงพร้อมซอฟต์แวร์
และมีการสมัครใช้งานเครือข่ายของผู้ให้บริการเครือข่าย LTE และ
5G เพลย์ลิสต์ประกอบด้วยไฟล์เสียง 358 ไฟล์ที่ไม่ซ้ำกันที่ซื้อจาก
iTunes Store (เข้ารหัส AAC 256 Kbps) โดยทดสอบด้วย
การส่งสัญญาณเสียงสเตอริโอ การตั้งค่าทั้งหมดเป็นค่าเริ่มต้น
ยกเว้น การจับคู่ Bluetooth กับหูฟัง, การเชื่อมต่อระบบ Wi-Fi
กับเครือข่าย, การปิดคุณสมบัติถามเพื่อเข้าร่วมเครือข่ายของ Wi-Fi
และปิดคุณสมบัติปรับความสว่างอัตโนมัติ iPhone 14 Pro และ
iPhone 14 Pro Max ได้รับการทดสอบขณะเปิดใช้งานการแสดงผล
แบบติดตลอดไว้แต่มองไม่เห็นจอภาพ ระยะเวลาในการเล่นเสียงจะลดลงเมื่อมองเห็นจอภาพแบบติดตลอดได้ เมื่อเทียบกับระยะเวลาในการเล่นเมื่อคว่ำจอภาพไว้หรือเก็บอยู่ในกระเป๋า
Apple ทำการทดสอบในเดือนมกราคม 2022 โดยใช้เครื่อง
iPhone SE (รุ่นที่ 3) รุ่นก่อนการผลิตจริงพร้อมซอฟต์แวร์ และ
มีการสมัครใช้งานเครือข่ายของผู้ให้บริการเครือข่าย LTE และ 5G
เพลย์ลิสต์ประกอบด้วยไฟล์เสียง 358 ไฟล์ที่ไม่ซ้ำกันที่ซื้อจาก
iTunes Store (เข้ารหัส AAC 256 Kbps) โดยทดสอบด้วยการ
ส่งสัญญาณเสียงสเตอริโอ การตั้งค่าทั้งหมดเป็นค่าเริ่มต้น ยกเว้น
การจับคู่ Bluetooth กับหูฟัง, การเชื่อมต่อระบบ Wi-Fi กับเครือข่าย,
การปิดคุณสมบัติถามเพื่อเข้าร่วมเครือข่ายของ Wi-Fi และ
ปิดคุณสมบัติปรับความสว่างอัตโนมัติ
Apple ทำการทดสอบในเดือนสิงหาคม 2021 โดยใช้เครื่อง
iPhone 13 mini, iPhone 13, iPhone 13 Pro และ
iPhone 13 Pro Max รุ่นก่อนการผลิตจริงพร้อมซอฟต์แวร์
และมีการสมัครใช้งานเครือข่ายของผู้ให้บริการเครือข่าย LTE และ
5G เพลย์ลิสต์ประกอบด้วยไฟล์เสียง 358 ไฟล์ที่ไม่ซ้ำกันที่ซื้อจาก
iTunes Store (เข้ารหัส AAC 256 Kbps) โดยทดสอบด้วย
การส่งสัญญาณเสียงสเตอริโอ การตั้งค่าทั้งหมดเป็นค่าเริ่มต้น
ยกเว้นการจับคู่ Bluetooth กับหูฟัง การเชื่อมต่อระบบ Wi-Fi
กับเครือข่าย การปิดคุณสมบัติถามเพื่อเข้าร่วมเครือข่าย
ของ Wi-Fi และปิดคุณสมบัติปรับความสว่างอัตโนมัติ
Apple ทำการทดสอบในเดือนสิงหาคมและกันยายน 2020
โดยใช้เครื่อง iPhone 12 mini, iPhone 12, iPhone 12 Pro และ
iPhone 12 Pro Max รุ่นก่อนการผลิตจริงพร้อมซอฟต์แวร์
และมีการสมัครใช้งานเครือข่ายของผู้ให้บริการเครือข่าย LTE และ
5G เพลย์ลิสต์ประกอบด้วยไฟล์เสียง 358 ไฟล์ที่ไม่ซ้ำกันที่ซื้อจาก
iTunes Store (เข้ารหัส AAC 256 Kbps) การตั้งค่าทั้งหมดเป็น
ค่าเริ่มต้น ยกเว้นการจับคู่ Bluetooth กับหูฟัง การเชื่อมต่อระบบ
Wi-Fi กับเครือข่าย การปิดคุณสมบัติถามเพื่อเข้าร่วมเครือข่าย
ของ Wi-Fi และปิดคุณสมบัติปรับความสว่างอัตโนมัติ
Apple ทำการทดสอบในเดือนกุมภาพันธ์ 2020 โดยใช้เครื่อง
iPhone SE (รุ่นที่ 2) รุ่นก่อนการผลิตจริงพร้อมซอฟต์แวร์
บนเครือข่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์ทั้งระบบ GSM และ CDMA เพลย์ลิสต์
ประกอบด้วยไฟล์เสียง 358 ไฟล์ที่ไม่ซ้ำกันที่ซื้อจาก iTunes Store
(เข้ารหัส AAC 256 Kbps) การตั้งค่าทั้งหมดเป็นค่าเริ่มต้น ยกเว้น
การจับคู่ Bluetooth กับหูฟัง การเชื่อมต่อระบบ Wi-Fi กับเครือข่าย
การปิดคุณสมบัติถามเพื่อเข้าร่วมเครือข่าย ของ Wi-Fi และปิด
คุณสมบัติปรับความสว่างอัตโนมัติ
Apple ทำการทดสอบในเดือนสิงหาคม 2019 โดยใช้เครื่อง
iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max รุ่นก่อน
การผลิตจริงพร้อมซอฟต์แวร์ บนเครือข่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์
ทั้งระบบ GSM และ CDMA เพลย์ลิสต์ประกอบด้วยไฟล์เสียง 358 ไฟล์
ที่ไม่ซ้ำกันที่ซื้อจาก iTunes Store (เข้ารหัส AAC 256 Kbps)
การตั้งค่าทั้งหมดเป็นค่าเริ่มต้น ยกเว้นการจับคู่ Bluetooth กับหูฟัง การเชื่อมต่อระบบ Wi-Fi กับเครือข่าย การปิดคุณสมบัติถามเพื่อเข้าร่วมเครือข่าย ของ Wi-Fi และปิดคุณสมบัติปรับความสว่างอัตโนมัติ
Apple ทำการทดสอบในเดือนสิงหาคม 2018 โดยใช้เครื่อง
iPhone XS, iPhone XS Max และ iPhone XR รุ่นก่อนการผลิต
จริงพร้อมซอฟต์แวร์ บนเครือข่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์ทั้งระบบ
GSM และ CDMA เพลย์ลิสต์ประกอบด้วยไฟล์เสียง 358 ไฟล์ที่
ไม่ซ้ำกันที่ซื้อจาก iTunes Store (เข้ารหัส AAC 256 Kbps) การ
ตั้งค่าทั้งหมดเป็นค่าเริ่มต้น ยกเว้นการจับคู่ Bluetooth กับหูฟัง
การเชื่อมต่อระบบ Wi-Fi กับเครือข่าย การปิดคุณสมบัติถามเพื่อ
เข้าร่วมเครือข่าย ของ Wi-Fi และปิดคุณสมบัติปรับความสว่าง
อัตโนมัติ
Apple ทำการทดสอบในเดือนสิงหาคม 2017 โดยใช้เครื่อง
iPhone 8, iPhone 8 Plus และ iPhone X รุ่นก่อนการผลิตจริง
พร้อมซอฟต์แวร์ บนเครือข่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์ทั้งระบบ GSM และ
CDMA เพลย์ลิสต์ประกอบด้วยไฟล์เสียง 358 ไฟล์ที่ไม่ซ้ำกันที่ซื้อจาก
iTunes Store (เข้ารหัส AAC 256 Kbps) การตั้งค่าทั้งหมดเป็น
ค่าเริ่มต้น ยกเว้นการจับคู่ Bluetooth กับหูฟัง การเชื่อมต่อระบบ
Wi-Fi กับเครือข่าย การปิดคุณสมบัติถามเพื่อเข้าร่วมเครือข่าย
ของ Wi-Fi และปิดคุณสมบัติปรับความสว่างอัตโนมัติ
Apple ทำการทดสอบในเดือนสิงหาคม 2016 โดยใช้เครื่อง
iPhone 7 และ iPhone 7 Plus รุ่นก่อนการผลิตจริงพร้อมซอฟต์แวร์
บนเครือข่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์ทั้งระบบ GSM และ CDMA
เพลย์ลิสต์ประกอบด้วยไฟล์เสียง 358 ไฟล์ที่ไม่ซ้ำกันที่ซื้อจาก
iTunes Store (เข้ารหัส AAC 256 Kbps) การตั้งค่าทั้งหมดเป็น
ค่าเริ่มต้น ยกเว้นการจับคู่ Bluetooth กับหูฟัง การเชื่อมต่อระบบ
Wi-Fi กับเครือข่าย การปิดคุณสมบัติถามเพื่อเข้าร่วมเครือข่าย
ของ Wi-Fi และปิดคุณสมบัติปรับความสว่างอัตโนมัติ
Apple ทำการทดสอบในเดือนมีนาคม 2016 โดยใช้เครื่อง
iPhone SE (รุ่นที่ 1) รุ่นก่อนการผลิตจริงพร้อมซอฟต์แวร์
บนเครือข่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์ทั้งระบบ GSM และ CDMA เพลย์ลิสต์ประกอบด้วยไฟล์เสียง 358 ไฟล์ที่ไม่ซ้ำกันที่ซื้อจาก iTunes Store
(เข้ารหัส AAC 256 Kbps) การตั้งค่าทั้งหมดเป็นค่าเริ่มต้น ยกเว้น
การเชื่อมต่อระบบ Wi-Fi กับเครือข่าย การปิดคุณสมบัติถามเพื่อ
เข้าร่วมเครือข่าย ของ Wi-Fi และปิดคุณสมบัติปรับความสว่าง
อัตโนมัติ
Apple ทำการทดสอบในเดือนสิงหาคม 2015 โดยใช้เครื่อง
iPhone 6s และ iPhone 6s Plus รุ่นก่อนการผลิตจริงพร้อม
ซอฟต์แวร์ บนเครือข่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์ทั้งระบบ GSM และ
CDMA เพลย์ลิสต์ประกอบด้วยไฟล์เสียง 358 ไฟล์ที่ไม่ซ้ำกันที่ซื้อ
จาก iTunes Store (เข้ารหัส AAC 256 Kbps) การตั้งค่าทั้งหมด
เป็นค่าเริ่มต้น ยกเว้นการเชื่อมต่อระบบ Wi-Fi กับเครือข่าย การปิด
คุณสมบัติถามเพื่อเข้าร่วมเครือข่าย ของ Wi-Fi และปิดคุณสมบัติปรับความสว่างอัตโนมัติ
Apple ทำการทดสอบในเดือนสิงหาคม 2014 โดยใช้เครื่อง iPhone 6 Plus และ iPhone 6 รุ่นก่อนการผลิตจริงพร้อมซอฟต์แวร์ บนเครือข่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์ทั้งระบบ GSM และ CDMA เพลย์ลิสต์ประกอบด้วยไฟล์เสียง 358 ไฟล์ที่ไม่ซ้ำกันที่ซื้อจาก iTunes Store (ความละเอียดไฟล์ 256-Kbps AAC) การตั้งค่าทั้งหมดเป็นค่าเริ่มต้น
ยกเว้นการเชื่อมต่อระบบ Wi-Fi กับเครือข่าย การปิดคุณสมบัติ
ถามเพื่อเข้าร่วมเครือข่าย ของ Wi-Fi และปิดคุณสมบัติ
ปรับความสว่างอัตโนมัติ